เนื่องจากการขยายตัวของผู้ใช้งาน Facebook มีมากขึ้น ทำให้เกิดความต้องการในการขยายระบบคลาวด์เพื่อตอบสนอง ซึ่งสวิตช์ทั่วไปที่มีอยู่ในท้องตลาดไม่สามารถรองรับการใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพได้ ทางบริษัท Facebook เลยทำการพัฒนาสวิตช์ของตัวเองที่ชื่อว่า Facebook Wedge ขึ้นมา โดยออกแบบให้รองรับการเรียกข้อมูลจากผู้ใช้งานระบบของ Facebook ได้ในระดับ Web-Scale และสามารถนำมาเชื่อมต่อ Data Center ของ Facebook ทั่วโลกเข้าด้วยกันได้แบบ Modular และเนื่องจากสภาพแวดล้อมในการทำงานของระบบ Cloud ของ Facebook ต้องการระบบสวิตช์ที่มีประสิทธิภาพและความคล่องตัวสูง Facebook Wedge สวิตช์จึงถูกออกแบบให้มีคุณสมบัติทางเครือข่ายมาอย่างครบถ้วน พร้อมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในระดับ Data Center และในระดับเครือข่ายขนาดใหญ่

จากเสียงเรียกร้องของลูกค้าที่ต้องการใช้เทคโนโลยีแบบเดียวกันกับ Facebook Wedge ทางบริษัท Accton (บริษัทแม่ของ Edge-Core) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและผู้ร่วมพัฒนา Facebook Wedge สวิตช์ร่วมกับทาง Facebook มาตั้งแต่เริ่มต้น ได้นำเทคโนโลยีเดียวกันนี้ถ่ายทอดให้กับบริษัท Edge-Core เพื่อทำการผลิตสวิตช์ตามสถาปัตยกรรมเดียวกัน แต่แทนที่จะเป็น 16 พอร์ต ที่ความเร็ว 40 Gbps ต่อพอร์ตเหมือนของ Facebook Wedge ทาง Edge-Core ได้เพิ่มจำนวนพอร์ตเป็น 32 พอร์ต และเพิ่มความเร็วแต่ละพอร์ตจาก 40 Gbps เป็น 100 Gbps ตามลำดับและเรียกชื่อสวิตช์ตัวใหม่ว่า Edgecore Wedge100-32X

Edgecore Wedge100-32X ถูกสร้างบนพื้นฐานของสถาปัตยกรรมสวิตช์ชิ่งชิพรุ่น Tomahawk จากบริษัท Broadcom ที่สามารถประมวลผลได้เร็วถึง 3.2 Tbps ทำให้มั่นใจได้ว่าพอร์ตทุกพอร์ตของ Edgecore Wedge100-32X สามารถทำงานได้ที่ความเร็วสูงสุด 100 Gbps ตลอดเวลาพร้อมกันทุกพอร์ต (หรือที่เราเรียกว่า ทำงานได้ที่ Line Rate นั่นเอง) ทำให้เหมาะกับการนำไปใช้สร้างเครือข่ายยุคใหม่ตาม Topology แบบ Spine and Leaf ซึ่งสามารถนำมาใช้ใน Data Center หรือระบบ Core หลักขององค์กรสมัยใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีความคล่องตัวสูงในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เครือข่ายอื่นๆ  เนื่องจากแต่ละพอร์ตของ Edgecore Wedge100-32X สามารถใช้สายกระจายสัญญาณมาแปลงชนิดของพอร์ต เช่น สามารถแปลงพอร์ตจาก 100 Gbps เป็น 25 Gbps ได้ 4 พอร์ต หรือ 10 Gbps ได้ 4 พอร์ต หรืออาจจะเลือกแบ่งใช้เป็น 50 Gbps 2 พอร์ต เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการเชื่อมต่อและใช้งานก็สามารถทำได้

และเนื่องจาก Edgecore Wedge100-32X ใช้สถาปัตยกรรมตามรูปแบบของ Open Compute สวิตช์ ที่พยายามเปลี่ยนมุมมองการใช้สวิตช์จากแบบที่มีลักษณะโครงสร้างสถาปัตยกรรมของใครของมันให้เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมมาตรฐานที่ใช้ร่วมกันทั่วไป โดยสวิตช์ที่รองรับมาตรฐาน Open Switch นี้ก็จะสามารถใช้เน็ตเวิร์คโอเอสใดๆที่รองรับมาตรฐาน Open Switch ได้ทันที เสมือนกับการติดตั้งเซิร์ฟเวอร์โอเอสลงบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์

ในปัจจุบันมีเน็ตเวิร์คโอเอสที่สามารถใช้งานได้กับระบบ Open Compute สวิตช์ไม่ต่ำกว่าสิบตัวทั้งแบบ Open Source ที่ไม่มี support เช่นโอเอสชื่อ FBoss จาก Facebook เอง หรือ แบบมี technical support อย่างเน็ตเวิร์คโอเอสของบริษัท Cumulus Networks ซึ่งได้มีการทดสอบและรับรองมาตรฐานว่าสามารถทำงานร่วมกับ Edgecore Wedge100-32X ได้เป็นอย่างดี

ด้วยการออกแบบ Backbone ระดับ 100 Gbps เพื่อรองรับการใช้งานสำหรับปริมาณข้อมูลในเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นทุกวันในปัจจุบันก็ไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป   เพราะเราสามารถใช้ Edgecore Wedge100-32X มาทดแทนระบบ Core Backbone แทน Core Switch แบบเก่าที่มีราคาสูงได้อย่างคุ้มค่า เพราะถ้าเทียบราคาแล้วมีราคาสูงกว่าพวกสวิตช์ 48 Gigabit ตัวท็อปเพียงนิดเดียว แต่ถ้าเทียบอัตราส่วนความสามารถต่อราคาแล้ว (price/performance) ก็ถือได้ว่าเป็นระบบเครือข่ายที่ทันสมัยและคุ้มค่ามากที่สุดตัวหนึ่งในปัจจุบัน

นอกจากทรูเวฟจะเป็น Thailand Distribution Channel ของทาง Edge-Core แล้วเรายังมีประสบการณ์ติดตั้งและออกแบบระบบเครือข่ายร่วมกับ Partner ของเรามาไม่น้อยกว่า 200 รายทั้งขนาดใหญ่และเล็ก รวมทั้งยังเป็นตัวแทนโดยตรงของ Cumulus Networks ที่สามารถใช้งานร่วมกับ Edgecore Wedge100-32X ได้อีกด้วย

ถ้าคุณสนใจต้องการเรียนรู้วิธีการนำ Edgecore Wedge100-32X มาใช้ในโปรเจ็กต์ของคุณเพิ่มเติม สามารถขอข้อมูลได้ที่ e-mail info@throughwave.co.th , facebook Throughwave Connect หรือ line id @Throughwave

เกี่ยวกับ Throughwave Thailand

Throughwave Thailand เป็นตัวแทนจำหน่าย (Distributor) สำหรับผลิตภัณฑ์ Enterprise IT ครบวงจรทั้ง Server, Storage, Network และ Security พร้อมโซลูชัน VMware และ Microsoft ที่มีลูกค้าเป็นองค์กรชั้นนำระดับหลายหมื่นผู้ใช้งานมากมาย โดยทีมงาน Throughwave Thailand ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าจากทีมงาน Engineer มากประสบการณ์ ที่คอยสนับสนุนการใช้งานของลูกค้าตลอด 24×7 ร่วมกับ Partner ต่างๆ ทั่วประเทศไทยนั่นเอง https://www.throughwave.co.th