Supermicro เปิดตัว Storage Server กว่า 30 รุ่น ตอบทุกโจทย์ความต้องการในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูล ในราคาที่คุ้มค่า

Supermicro ผู้ผลิต Server ประสิทธิภาพสูงสำหรับ Data Center ขนาดใหญ่ทั่วโลก จากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เปิดตัว Storage Server ซึ่งเป็น Server ที่สามารถติดตั้้ง Hard Disk Drive และ Solid State Drive ได้จำนวนมากเป็นพิเศษสำหรับระบบงานที่ต้องมีการจัดเก็บข้อมูลปริมาณมากโดยเฉพาะ เพิ่มมาอีกกว่า 30 รุ่น ซึ่งสามารถมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้ตั้งแต่ 12TB – 432TB ภายในเครื่องเดียว และรองรับการเพิ่มขยายได้เกินกว่า 6,000TB โดยมีการปรับปรุงใหม่ๆ ที่น่าสนใจดังนี้

  • ใช้ CPU Intel รุ่นล่าสุด Intel Xeon E5 2600 v3 รองรับการใช้งานสูงสุดถึง 36 Cores และหน่วยความจำกว่า 1.5TB บน Server Mainboard ตระกูล X10 https://www.supermicro.com/products/nfo/storage.cfm
  • รองรับ SAS3 ที่ความเร็ว 12Gbps ต่อ Hard Drive แต่ละลูก
  • รองรับ Seagate Kinetic Drives สำหรับรองรับงาน Object Storage ซึ่งเรียกใช้ผ่าน Kinetic Storage API โดยเฉพาะ โดยมี 12x 4TB Kinetic Drives ต่อความสูง 1U
  • ต่อ Network Uplink 40Gbps https://www.supermicro.com/products/system/1U/K1048/SSG-K1048-RT.cfm
  • มี Atom Storage Server รองรับ 12x 3.5″ HDD ในขนาดเพียง 1U https://www.supermicro.com/products/system/1U/5018/SSG-5018A-AR12L.cfm
  • รองรับการใช้งานร่วมกับ OS และ Hypervisor หลากหลาย ได้แก่ Microsoft Windows Server, Red Hat Enterprise Linux, Linux, Unix และ VMware vSphere

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อตัวทรูเวฟได้ที่ 02-210-096

ข้อมูลเพิ่มเติม

แนะนำ Supermicro SuperServer 1028R-WTR – Server ประสิทธิภาพสูง ราคาประหยัด สำหรับ ERP ขนาดกลาง, Enterprise Application และ Virtualization

Supermicro ผู้ผลิตระบบ Server ชั้นนำระดับโลก ได้เปิดตัว SuperServer ซีรีส์ใหม่ รองรับ CPU Intel Xeon E5 2600 v3 กว่า 20 รุ่น เพื่อรองรับความต้องการของธุรกิจในรูปแบบที่แตกต่างหลากหลาย โดยสำหรับ SuperServer 1028R-WTR นี้ถูกวางไว้สำหรับตลาด ERP ขนาดกลาง, Enterprise Application และ Virtualization โดยเฉพาะ โดยมีคุณสมบัติที่น่าสนใจดังนี้

  • ติดตั้ง CPU 2x Intel Xeon E5-2600 v3 รองรับสูงสุดถึง 36 Cores / 72 Threads ที่ความถี่ 2.3GHz
  • รองรับหน่วยความจำสูงสุด 1TB (1,024GB)
  • มี 2.5″ Hot-swappable HDD Trays จำนวน 10 ช่อง และสามารถเลือก RAID Controller เองได้ รองรับทั้ง SAS, SATA และ SSD
  • มี Software RAID 0, 1, 5, 10 และมี Hardware RAID Option สำหรับ RAID 0, 1, 5, 6, 10, 50, 60
  • มี SuperDOM (Disk on Module) 2 ช่องภายในตัวเครื่อง สำหรับลง OS ได้โดยไม่เสียพื้นที่ Hard Drive ด้านหน้า
  • มี Network Interface แบบ 10/100/1000Mbps 2 ช่อง
  • มี PCI-E 3.0 x16 จำนวน 2 ช่อง รองรับการเพิ่ม RAID Controllers, 1/10Gbps Network Interfaces และ 8/16Gbps Fibre Channel
  • มี Redundant Power Supply จำนวน 2 ชุด
  • สามารถบริหารจัดการผ่าน Network ด้วย IPMI 2.0 พร้อม Virtual Media over LAN และ KVM-over-LAN ได้

ด้วยการปรับแต่ง CPU, RAM, HDD และ PCI-E ทำให้ SuperServer 1028R-WTR รองรับงานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้ง Enterprise Application อย่าง Database, VDI, Web Server และงานที่กิน CPU และ Disk เยอะๆ อย่าง ERP หรือแม้แต่การทำ Virtualization ด้วย VMware vSphere หรือ Microsoft Hyper-V ก็ตาม

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อทรูเวฟได้ที่ 02-210-0969

ข้อมูลเพิ่มเติม
• Supermicro SuperServer 1028R-WTR https://www.supermicro.com/products/system/1U/1028/SYS-1028R-WTR.cfm?parts=SHOW

Supermicro เสริมความสามารถให้ VMware EVO: RAIL และ VSAN สามารถทำ File Sharing ได้ด้วย NexentaConnect

Supermicro ผู้ผลิตระบบ Server ชั้นนำสำหรับ Data Center ขนาดใหญ่ทั่วโลก ได้เสริมความสามารถให้กับโซลูชั่น Hyper-Converged Infrastructure จาก VMware EVO: RAIL และ VMware VSAN ให้สามารถให้บริการ File Sharing ด้วย NFS และ SMB เพื่อตอบรับความต้องการของ Software Defined Data Center ขึ้นไปอีกขั้น จับมือกับ Nexenta ในการ Integrate NexentaConnect ที่จะนำพื้นที่จาก EVO: RAIL และ VSAN มาสร้าง File Sharing Service สำหรับให้บริการให้แก่ Data Center Servers และ End Point PCs ได้ทันที โดยมีจุดเด่นดังนี้

  • ให้บริการ File Sharing ได้ครอบคลุม ทั้ง NFSv3, NFSv4 และ SMB
  • บริหารจัดการได้อย่างง่ายดายผ่าน vSphere Web Client
  • รองรับความสามารถ VMware HA และ DRS
  • สามารถ Integrate เข้ากับ Domain Service เช่น AD, LDAP และ Kerberos ได้
  • เพิ่มความทนทานให้แก่ VSAN ในการทำ Backup และ Availability
  • สนับสนุนการทำ Remote Site Replication
  • ลดพื้นที่ในการใช้งานด้วยการทำ Inline Deduplication และ Compression
  • มีรายงานทางด้านประสิทธิภาพ เช่น IOPS และ Latency พร้อมทั้งมีรายงานด้าน Capacity และการทำ Data Reduction

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อทรูเวฟได้ที่ 02-210-0969

2014-11-14_171019


ข้อมูลเพิ่มเติม

Nexenta NexentaConnect https://www.nexenta.com/products/nexentaconnect
Nexenta NexentaConnact + VSAN https://www.nexenta.com/products/nexentaconnect/nexentaconnect-vsan

ที่มา: https://www.supermicro.com.tw/newsroom/pressreleases/2014/press141016_Nexenta-smci-vmw.cfm

VMware เปิดตัว VMware Horizon Flex ตอบรับความต้องการ Virtual Desktop ในแบบ Offline

VMware ผู้นำทางด้านเทคโนโลยี Virtualization และ Cloud ได้เปิดตัว VMware Horizon Flex สำหรับตอบโจทย์ทางด้านการใช้งาน Virtual Desktop ในแบบ Offline บน PC หรือ Notebook ได้ภายนอกองค์กร รวมถึงการตอบโจทย์ BYOD สำหรับกลุ่มผู้ใช้งานที่เป็น Contractor หรือพนักงานที่ต้องเดินทางไปภายนอกองค์กรเป็นประจำ โดยยังคงมีความสามารถในการบริหารจัดการและการรักษาความปลอดภัยในระดับเดียวกับ Virtual Desktop Infrastructure (VDI) และ Desktop as a Service (DaaS) อีกทั้งยังรองรับเครื่อง Client ได้ทั้ง Microsoft Windows และ Mac OS X อีกด้วย ทำให้องค์กรมีทางเลือกในการบริหารจัดการ Desktop ที่ยืดหยุ่นขึ้นอีกระดับ ซึ่งแนวคิดทั้งหมดนี้ถูกเรียกรวมๆ ว่า Containerized Desktop นั่นเอง

vmw-scrnsht-horizon-flex-workanywhere-lg

สำหรับการใช้งาน VMware Horizon Flex นี้ Virtual Desktop ของผู้ใช้งานแต่ละคนจะถูกส่งไปประมวลผลและทำงานบน Type-2 Hypervisor ของ VMware อย่าง VMware Workstation, Vmware Fusion และ VMware Player แทนที่จะประมวลผลจากศูนย์กลางแบบ VDI ทั่วๆ ไป โดยผู้ดูแลระบบสามารถสร้าง Golden Image เหมือนใน VDI สำหรับไว้เป็นแม่แบบของเครื่อง Virtual Desktop และแจกจ่ายให้กับผู้ใช้งานได้ทันทีผ่านทาง USB หรือระบบเครือข่ายก็ได้
vmw-scrnsht-horizon-flex-simplify-lg
นอกจากนี้ เมื่อผู้ดูแลระบบต้องการทำการเปลี่ยนแปลงการติดตั้งซอฟต์แวร์หรือการตั้งค่าใน Virtual Desktop เหล่านั้น ก็สามารถทำผ่าน VMware Horizon Mirage ได้ทันที ซึ่ง VMware Mirage นี้จะครอบคลุมถึงทั้งการทำ Provisioning, การบริหารจัดการ, การ Update OS และ Application ได้อย่างง่ายดาย โดยการจัดการทั้งหมดนี้จะทำโดยอัตโนมัติเมื่อเครื่องของผู้ใช้งานสามารถทำการเชื่อมต่อกับระบบส่วนกลางของ Horizon Flex ได้ พร้อมทั้งทำการ Backup ข้อมูลจาก Virtual Desktop กลับมายังส่วนกลางโดยอัตโนมัติอีกด้วย ทำให้เมื่อเครื่องสูญหายหรือพังไป ผู้ดูแลระบบก็สามารถทำการสร้างเครื่อง Virtual Desktop ขึ้นมาใหม่ได้โดยไม่มีการสูญเสียข้อมูลใดๆ เกิดขึ้น

สำหรับผู้ที่สนใจ VMware Horizon Flex สามารถติดต่อทรูเวฟได้ครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม
VMware Horizon Flex Website https://www.vmware.com/products/horizon-flex
Announcing Horizon Flex https://blogs.vmware.com/cto/announcing-horizon-flex/

เปิดตัว Supermicro’s EVO: RAIL Appliance รองรับ 100 VM server หรือ 250 VDI Desktop

Supermicro ประกาศเปิดตัว Supermicro’s EVO: RAIL Appliance ซึ่งเป็น Hyper-converged Infrastructure Appliance ที่รวมหน่วยประมวลผล, เน็ตเวิร์ค และพื้นที่เก็บข้อมูล เข้าด้วยกันเป็น Appliance ในขนาด 2U ภายในประกอบไปด้วย 4-node server โดยมีจุดเด่นดังนี้

  • Supermicro’s EVO: RAIL Appliance เริ่มต้นด้วย host จำนวน 4 node ใช้ฮาร์ดแวร์รุ่น 2U TwinPro2 SuperServer ที่มีการเก็บข้อมูลแบบกระจายข้อมูลไปยัง node ต่างๆ โดยใช้เทคโนโลยี vSAN จาก VMware
  • รองรับการทำ Fault tolerance, reliability และ scale-out ด้วยเทคโนโลยีของ VMware
  • การ Deploy, configuration และการ Management สามารถทำได้ง่ายดาย ทำให้การสร้าง Virtual Machine สามารถเริ่มต้นได้ภายในเวลาไม่กี่นาที
  • Supermicro’s EVO: RAIL Appliance ใช้ฮาร์ดแวร์ที่ผ่านการรับรองจาก VMware ทำให้มั่นใจได้ว่าระบบจะสามารถทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพ
  • สามารถสั่งผลิตภัณฑ์จาก Supermicro ได้โดยตรง เพียงแค่ระบุ SKU ของ EVO: RAIL ก็ได้ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ครบชุด โดยภายในชุดซอฟท์แวร์ประกอบไปด้วย vSphere, Virtual SAN และ vCenter components
  • รองรับการทำงาน VM server ขนาดทั่วไปถึง 100 Server หรือการทำระบบ VDI ถึง 250 Desktop ต่อ Appliance 1 ชุด

ข้อมูลเพิ่มเติม
https://www.supermicro.com/solutions/EVO_RAIL.cfm

แนะนำ Supermicro MicroCloud ระบบแม่ข่ายประสิทธิภาพสูง สำหรับ Cloud และ ISP โดยเฉพาะ

Supermicro MicroCloud เป็นหนึ่งในรุ่นที่ได้รับความสนใจสูงสุดนับตั้งแต่เปิดตัวมา โดย MicroCloud นี้จะเป็นระบบแม่ข่ายแบบ Blade ขนาดเล็ก โดยใช้พื้นที่สูงเพียง 3U เท่านั้น แต่สามารถบรรจุ Blade Server ได้ตั้งแต่ 8 – 24 เครื่อง ซึ่งด้วยปริมาณของ Server มากขนาดนี้ในพื้นที่เพียงเท่านี้ เป็นจุดเด่นสูงสุดที่ทำให้ MicroCloud ได้รับความนิยมนั่นเอง
สำหรับการแบ่งรุ่นของ Supermicro MicroCloud นั้น จะแบ่งตามรุ่น CPU และจำนวน Server ดังนี้

1. CPU Intel E5-2600 (8 Nodes)

 
เหมาะสำหรับระบบ Cloud ที่ต้องการ RAM จำนวนมาก โดยแต่ละ Node สามารถมี CPU ได้สูงสุด 1 Socket จำนวน 8 Cores หน่วยความจำสูงสุด 128GB และ Disk SATA 3.5″ Hot Swap จำนวน 2 ลูก

2. CPU Intel E3 (8/12/24 Nodes)

เหมาะสำหรับระบบ Cloud ที่เน้นการใช้งาน CPU เป็นหลักในราคาประหยัด โดยแต่ละ Node สามารถมี CPU ได้สูงสุด 1 Socket จำนวน 4 Cores หน่วยความจำสูงสุด 32GB และ Disk SATA 3.5″ จำนวน 2 ลูก หรือ 2.5″ จำนวน 4 ลูก

3. CPU AMD Opteron 3000 (12 Nodes)

เหมาะสำหรับระบบ Cloud ที่เน้นการใช้งาน CPU โดยไม่เน้นเรื่องหน่วยความจำ โดยแต่ละ Node สามารถมี CPU AMD ได้สูงสุด 1 Socket จำนวน 8 Cores หน่วยความจำสูงสุด 32GB และ Disk SATA 3.5″ จำนวน 2 ลูก หรือ 2.5″ จำนวน 4 ลูก
โดย Software ระบบ Cloud ที่แนะนำ จะเป็นระบบที่ใช้งาน Hypervisor ตระกูล Microsoft, KVM และ Xen เป็นหลัก เนื่องจาก 3 ตระกูลนี้สนับสนุนการใช้งานร่วมกับ Hardware ที่หลากหลายกว่า และมีค่าลิขสิทธิ์ที่เหมาะสมกับการใช้งานบน Server จำนวนมากเช่นนี้
ในขณะเดียวกัน ในเมืองไทยเองก็ยังมีการประยุกต์นำ MicroCloud ไปใช้ในระบบ Render Farm เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายต่อ CPU ที่ประหยัด และยังใช้พื้นที่บนตู้ Rack น้อยอีกด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจระบบ Supermicro MicroCloud สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ info@throughwave.co.th หรือโทร 02-210-0969 เพื่อขอคำปรึกษาจากวิศวกรได้ทันที
ที่มา www.throughwave.co.th

แนะนำ Supermicro FatTwin ระบบ Server สำหรับงาน Cluster และ Render Farm โดยเฉพาะ

Supermicro เป็นผู้ผลิต Server เฉพาะทางสำหรับงานต่างๆ มากมาย และในวันนี้ทางทีมงานเราก็จะขอแนะนำ Supermicro FatTwin ซึ่งเป็นระบบ Server ที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับงาน Cluster สำหรับการประมวลผลประสิทธิภาพสูง และ Render Farm สำหรับการประมวลผลงานทางด้านกราฟฟิคโดยเฉพาะ

1. FatTwin หน้าตาเป็นอย่างไร?

FatTwin เป็น Blade Server ขนาดสูง 4U ติดตั้งบนตู้ Rack มาตรฐานขนาด 19 นิ้วได้ โดยด้านหน้าจะมี Server ภายในบรรจุอยู่ 4 เครื่อง หรือ 8 เครื่อง แล้วแต่รุ่น ส่วนด้านหลังของ FatTwin จะเป็นระบบระบายความร้อน (Cooling System) และระบบจ่ายพลังงาน (Power Supply) ซึ่งสามารถทำงานทดแทนกันได้ (Redundant) อย่างสมบูรณ์
จุดที่แตกต่างจาก Blade Server ทั่วๆ ไปคือ FatTwin จะไม่มี Management Module แบบศูนย์กลาง เนื่องจาก Server แต่ละเครื่องจะสามารถถูกบริหารจัดการได้ผ่านทาง IPMI ซึ่งรองรับทั้งการทำ Remote KVM และ Mount Virtual Media ผ่านทาง Network ได้อยู่แล้ว รวมถึงไม่มี Switch Module อีกด้วย ทำให้การลงทุนระบบ FatTwin ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าการลงทุนเป็น Blade Server นั่นเอง

2. จุดเด่นของ FatTwin

ในแง่ของ Hardware นั้น ระบบ FatTwin มี Server ให้เลือกหลากหลาย เหมาะกับงานเฉพาะทางแต่ละแบบ เช่น

2.1 Storage Node

เป็น Node ที่สามารถใส่ Hard Drive ได้เยอะเป็นพิเศษกว่า Server ทั่วๆ ไป เช่น ติดตั้ง Hard Drive ขนาด 3.5″ ได้ 12 – 14 ลูกต่อ 1U โดยสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ Hardware RAID หรือใช้ Software RAID ตามประเภทของ Storage Software ที่จะใช้งาน เหมาะสำหรับระบบงานที่ต้องการจัดเก็บข้อมูลเป็นปริมาณมาก เช่น Storage, Video Streaming, Apache Hadoop

2.2 Front IO Node

เป็น Node ที่มี Interface ต่างๆ ทั้งหมดอยู่ด้านหน้า ไม่ว่าจะเป็น Network, IPMI, USB หรือ PCI-E เพื่อให้การเข้าไปดูแลรักษา หรือปรับแต่งการเชื่อมต่อสามารถทำได้โดยสะดวกจากด้านหน้าเครื่องทันที เหมาะสำหรับธุรกิจ Hosting และ ISP โดยเฉพาะ

2.3 GPU Node

เป็น Node ที่สามารถใส่การ์ด GPU และ MIC เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลต่างๆ ได้ โดยในแต่ละ Node สามารถใส่การ์ดเหล่านี้ได้มากถึง 3-4 การ์ดต่อพื้นที่เพียง 1U ซึ่งถือว่ามากกว่า Server ทั่วๆ ไปอยู่มาก
แต่ไม่ว่าจะเป็น Node ใดก็ตาม สิ่งที่ถือเป็นจุดเด่นที่สุดของ FatTwin เลยนั้นคือเรื่องของการประหยัดพลังงานนั่นเอง โดยจากการทดสอบการใช้งานเปรียบเทียบกับ Server รุ่นประหยัดไฟพิเศษของคู่แข่ง พบว่า Supermicro FatTwin สามารถช่วยประหยัดพลังงานได้กว่ารุ่นที่ดีที่สุดของคู่แข่งถึง 16% เลยทีเดียว

3. ใครเหมาะสมกับการเลือกใช้ FatTwin?

 
ผู้ที่เหมาะกับระบบ FatTwin คือผู้ที่ต้องการระบบที่มีคุณสมบัติดังนี้
3.1 ต้องการลงทุนใน Server เป็นจำนวนมาก โดยไม่ได้ต้องการ Switch หรือ Management แบบ Blade Server
3.2 ต้องการการใช้งาน CPU เพื่อประมวลผลแบบ 24×7
3.3 ต้องการระบบที่มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเยอะเป็นพิเศษ
3.4 ต้องการประหยัดพื้นที่บนตู้ Rack
3.5 ต้องการระบบที่ประหยัดไฟฟ้า
ซึ่งสรุปจากข้างต้นนี้ เรียกได้ว่างาน High Performance Computing และงาน Render Farm ทั้งหมด เมื่อเปลี่ยนมาใช้ FatTwin แทนแล้ว จะช่วยลดต้นทุนในการจัดซื้อและดูแลรักษาไปได้มากทีเดียว
สำหรับผู้ที่สนใจ Supermicro FatTwin สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ info@throughwave.co.th หรือโทร 02-210-0969 ได้ทันที
ที่มา www.throughwave.co.th

จัดการข้อมูลขนาดใหญ่ด้วย Apache Hadoop สำหรับองค์กร

ปัจจุบันนี้ การจัดการข้อมูลขนาดใหญ่หรือที่เรียกกันว่า Big Data นั้น อาจไม่สามารถทำได้โดย SQL Database อีกต่อไป เนื่องจาก SQL Database ในปัจจุบันนี้ถูกออกแบบมาเป็นเวลานานแล้ว ในขณะที่ความต้องการการใช้ข้อมูลกลับมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จน SQL Database แบบเดิมๆ ไม่อาจรับได้ไหวอีก แนวคิดในการทำ Distributed Computing จึงเกิดขึ้นมา และ Apache Hadoop เองก็มีบทบาทในด้านนี้เป็นอย่างมาก Read more

JBOD – ทางเลือกดีๆ สำหรับ External Storage ราคาประหยัด

ในปัจจุบันนี้ความต้องการในการใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลปริมาณมาก มีมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ความต้องการของระบบ External Storage สูงตามขึ้นไป แต่ในการลงทุน SAN Storage ก็อาจมีราคาสูงเกินไป ในขณะที่การลงทุน NAS Storage ก็อาจได้ประสิทธิภาพในระดับที่ไม่เพียงพอ ทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจในการเพิ่มพื้นที่ให้กับระบบ Server ต่างๆ เช่น CCTV Server, File Server, Database Server หรือ Backup/DR Server จึงได้แก่ระบบ JBOD นั่นเอง Read more

OnApp แนะนำสเป็ค Supermicro สำหรับระบบ Cloud

ในเวลานี้ระบบ Cloud ที่ดังที่สุดในโลกก็คงหนีไม่พ้นชื่อของ OnApp เนื่องจากความง่ายในการใช้งาน และสามารถทำงานร่วมกับ Hardware ได้หลากลาย ซึ่ง OnApp เองก็ได้ยกตัวอย่างในการสร้างระบบ Cloud โดยใช้ Twin Server และ Storage Server จาก Supermicro ครับ โดยส่วนประกอบของระบบก็มีดังต่อไปนี้ Read more