Nutanix เปิดตัว Security Development Lifecycle เพิ่มความปลอดภัยและการทำ Compliance ให้ Virtual Computing Platform

Nutanix ผู้ผลิตระบบ Virtual Computing Platform สำหรับ Web-Scale Infrastructure ได้ประกาศเปิดตัวความสามารถในการทำ Security Development Lifecycle (SecDL) สำหรับรักษาความปลอดภัยให้แก่ Virtualization Infrastructure บน Nutanix Appliance เพิ่มเติม ดังนี้

  • พัฒนา Software โดยทำการเพิ่ม Security Development ลงไปใน Software Development Process พร้อม Automated Testing สำหรับ Security โดยเฉพาะ
    Release Minor Patch สำหรับ Security ถี่ขึ้น
  • รองรับ Self-encrypting Drives เพื่่อเข้ารหัสข้อมูลที่ Inactive อยู่ ทำให้สามารถรองรับมาตรฐานความปลอดภัย FIPS 140-2 Level 2, NSA Suite B, Common Criteria EAL2+, NIST-SP800-131A, HIPAA, PCI-DSS, SOX และอื่นๆ
  • รองรับการยืนยันตัวตนแบบ Two-factor Authentication และรองรับการยืนยันตัวตนด้วย Certificate เพื่่อเพิ่มความปลอดภัยในการยืนยันตัวตนเข้าระบบบริหารจัดการ
    Nutanix Cluster Shield เพิ่มความปลอดภัยในการเข้าบริหารจัดการ Nutanix Cluster จากการ Login ทาง Shell

โดยความสามารถเหล่านี้เพิ่มขึ้นมาใน Nutanix Operating System (NOS) 4.1 โดยการรองรับ Self-encrypted Drives นี้จะรองรับเฉพาะใน Nutanix NX-3000 และ NX-6000 เท่านั้น

2014-12-25_151419

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อตัวทรูเวฟได้ที่ 02-210-0969

ข้อมูลเพิ่มเติม
Nutanix Security Development Lifecycle Website https://www.nutanix.com/security/
Nutanix Security Technical Brief https://go.nutanix.com/rs/nutanix/images/Security%20Technical%20Brief.pdf
Nutanix Key Management for Encryption Solution Brief https://go.nutanix.com/rs/nutanix/images/Key-Management-for-Encryption-Solution-Brief.pdf

การมาของ 3D Virtual Studio กับหลักสูตรนิเทศศาสตร์ที่ต้องปรับตัวกับเทคโนโลยีใหม่ในการถ่ายทำ

เทคโนโลยี 3D Virtual Studio ได้กลายเป็นเทคโนโลยีหลักที่ผู้ผลิตรายการเลือกใช้กันอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน เนื่องจากเทคโนโลยี 3D Virtual Studio สามารถช่วยสร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการผลิตรายการได้อย่างมากมาย, ช่วยลดต้นทุนการผลิตรายการและการเปลี่ยนฉากลง และเริ่มมีราคาที่องค์กรสามารถลงทุนได้ง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อนด้วยต้นทุนที่่ปรับลดราคาลงมา โดย 3D Virtual Studio เพียงชุดเดียวก็สามารถรองรับการผลิตรายการได้ตั้งแต่ 5 – 10 รายการต่อวันจากห้องส่งเพียงห้องเดียว

Radical Angle หนึ่งในผู้ผลิต 3D Virtual Studio ที่ทำตลาดในประเทศไทย ได้ให้ความเห็นว่าภาคการศึกษาในประเทศไทยควรเริ่มถ่ายทอดความรู้และการใช้เทคโนโลยี 3D Virtual Studio นี้ให้แก่นิสิตและนักศึกษา เพื่อให้เกิดความเข้าใจและคุ้นเคยกับการนำเทคโนโลยี 3D Virtual Studio มาใช้ในการถ่ายทำรายการ และปรับตัวให้เข้ากับการถ่ายทำรายการด้วยเทคนิคใหม่ๆ ได้ โดยตัวอย่างของตำแหน่งงานต่างๆ ในห้องถ่ายทำรายการที่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับ 3D Virtual Studio มีดังนี้

Program Director
ผู้วางผังรายการจะต้องเข้าใจในลักษณะการใช้งาน 3D Virtual Studio เพื่อจัดเตรียมทีมงานให้เหมาะสมกับแต่ละรายการที่มีการใช้งาน 3D Virtual Studio ในการถ่ายทำ และวางผังในการเข้าทำงานของแต่ละรายการได้อยางเหมาะสม

Producer
ผู้ผลิตรายการควรจะเคยมีประสบการณ์หรือมีความคุ้นเคยกับการจัดรายการด้วยเทคโนโลยี 3D Virtual Studio เพื่่อให้การนำเสนอรายการ, การควบคุมดูแลการถ่ายทำและค่าใช้จ่ายทั้งหมด และเข้าใจในขอบเขตการใช้งาน และขีดจำกัดของเทคโนโลยี 3D Virtual Studio เป็นอย่างดี

Script Writer
ความคุ้นเคยในเทคโนโลยี 3D Virtual Studio เป็นสิ่งสำคัญในการเขียน Script รายการให้เหมาะสมกับความสามารถในการนำเสนอข้อมูลที่่หลากหลายจากการใช้ข้อมูล 3D เข้ามาช่วย รวมถึงการลำดับเรื่องราวและการนำเสนอด้วยเช่นกัน

b01

News Reporter
สำหรับผู้ประกาศข่าว การซักซ้อมให้การประกาศข่าวหรือดำเนินรายการภายในห้อง 3D Virtual Studio ที่จะต้องมีการจินตนาการภาพของห้องให้คุ้นเคย เพื่อให้การออกท่าทางต่างๆ เป็นไปได้อย่างถูกต้องทั้งตำแหน่ง ทิศทาง และเวลา ถือเป็นประเด็นที่สำคัญมาก เพราะการใช้งาน 3D Virtual Studio นี้จะมีความแตกต่างจากการดำเเนินรายการตามปกติที่มีอุปกรณ์ต่างๆ วางอยู่จริง และสามารถนำเสนอสิ่่งต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นการซักซ้อมของผู้ประกาศข่าวเพื่อให้การดำเนินรายการเป็นไปได้อย่างสมจริงที่สุดจึงเป็นสิ่งสำคัญในการใช้ 3D Virtual Studio

จะเห็นได้ว่า ความรู้ความเข้าใจ และความคุ้นเคยในการใช้งาน 3D Virtual Studio นั้นเป็นประเด็นหลักที่ทุกคนควรจะต้องเข้าใจ เพื่อให้การใช้งานเทคโนโลยี 3D Virtual Studio เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ในขณะเดียวกัน กลุ่มงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตรายการก็จะได้รับผลกระทบและต้องปรับตัวด้วยเช่นกัน ดังต่อไปนี้

  • กลุ่มงานโฆษณา – การสร้างสรรค์ความคิดใหม่ๆ ในการโฆษณาระหว่างการดำเนินรายการด้วยเทคโนโลยี 3D เช่น การใช้แบบจำลองของสินค้าเป็นอุปกรณ์ประกอบฉาก การสร้างจุดดึงดูดสายตาในรายการเพื่อนำไปสู่การนำเสนอสินค้าระหว่างการดำเนินรายการ หรือแม้แต่การสร้างฉาก 3D เพื่อเป็นการโฆษณาสินค้าเลยก็ตามแต่
  • กลุ่มงานผลิตรายการ – การสร้างสรรค์ลูกเล่นใหม่ๆ ในการนำเสนอข้อมูล เช่น การแสดงกราฟ, การสร้างจอเสมือนขนาดใหญ่, การแสดงข้อมูลแผนที่่แบบ Interactive, การนำเสนอ 3D Object เสมือน และอื่นๆ
  • กลุ่มงานข่าว – การสร้างฉาก 3D เฉพาะสำหรับการนำเสนอข่าวสำคัญ หรือการออกแบบแผนภูมิหรือแผนภาพพิเศษเพื่อนำเสนอข้อมูลให้เข้าใจได้ง่ายในเวลาที่จำกัด ถือเป็นความท้าทายในการนำเสนอข่าวด้วย 3D Virtual Studio ที่จะทำให้รายการข่าวเหนือกว่าคู่แข่ง
  • กลุ่มงานสื่อใหม่ – สำหรับผู้ที่สร้างสรรค์งาน 3D เช่น 3D Animator หรือ 3D Graphic Designer โจทย์ใหม่ในการสร้าง 3D Object ให้ตอบสนองต่อความต้องการในการนำเสนอข่าวอย่างทันท่วงที ก็ถือเป็นความท้าทายใหม่ๆ ที่น่าสนใจ

สำหรับผู้ที่สนใจเทคโนโลยี 3D Virtual Studio หรือสถาบันการศึกษาที่ต้องการนำระบบ 3D Virtual Studio ไปใช้ในการเรียนการสอน สามารถติดต่อบริษัททรูเวฟ ประเทศไทย ได้ที่เบอร์ 02-210-0969 หรืออีเมลล์ info@throughwave.co.th ได้ทันที

Time Server สามารถช่วยปกป้อง Microsoft Active Directory Infrastructure ให้ทนทานได้อย่างไร?

Microsoft Active Directory นับเป็นหนึ่่งในระบบที่ได้รับความนิยมสูงมากสำหรับระบบเครือข่ายและลูกข่ายระดับองค์กร ด้วยความสามารถในการยืนยันตัวตนและกำหนดสิทธิ์ระดับเครื่องลูกข่าย ทำให้สามารถบริหารจัดการเครื่องลูกข่ายและรักษาความปลอดภัยได้จากศูนย์กลาง แต่รู้หรือไม่ว่าการใช้งาน Microsoft Active Directory อย่างไม่ระวังนั้น ระบบทั้งหมดอาจไม่สามารถทำงานได้เพราะเครื่องลูกข่ายไม่สามารถทำการยืนยันตัวตนได้เลย

Active Directory ใช้งานระบบ Time Synchronization ตอนไหนบ้าง?
โดยทั่วไปแล้ว Active Directory จะใช้เวลาจากระบบ Time Server สำหรับอ้างอิงเป็น Timestamp และนำไปใช้เพื่อป้องกันการเกิด Conflict ในการทำ AD Replication และใช้เป็น Timestamp ในการทำ Kerberos Authentication เพือป้องกันการโจมตีแบบ Replay Attack ปลอมแปลงการยืนยันตัวตนนั่นเอง

การที่เครื่องในระบบ Active Directory เวลาไม่ตรงกันจะส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง?
โดยทั่วไป Windows จะกำหนดค่า Default สำหรับ Maximum Time Difference ระหว่างเครื่องลูกข่ายที่มายืนยันตัวตน กับ Domain Controller เอาไว้ที่ 5 นาที ซึ่งถ้าเวลาของทั้งสองเครื่องต่างกันเกินกว่านั้น การยืนยันตัวตนก็จะไม่สำเร็จ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผู้ใช้งานไม่สามารถเข้าถึงระบบงานใดๆ ได้

นอกจากนี้หากมีการใช้งานระบบ Virtualization ในเครือข่าย การที่เครื่อง Guest Machine มีเวลาไม่ตรงกับ Host Machine ก็อาจะทำให้ไม่สามารถใช้งาน Resource บางส่วนในบางช่วงเวลาได้เช่นกัน

การแก้ปัญหาด้วยระบบ Stratum-1 Time Server หรือ Time Synchronization Appliance
ถึงแม้ว่าบริการ Public NTP จะมีให้ใช้อยู่มากมาย แต่การเลือกใช้ Time Source จากภายนอกเป็นหลักเองก็มีความเสี่ยงที่ไม่สามารถควบคุมความเสี่ยงหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นกับระบบ Time Synchronization ได้ รวมถึงไม่รู้พฤติกรรมของระบบ Time Synchronization เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ อาจทำให้ระบบเวลาเดินหน้าเร็วเกินไป หรือย้อนเวลาไป ทำให้ระบบงานขององค์กรที่อ้างอิงกับเวลาเหล่านี้เสียหายได้

การลงทุน Time Server และ Time Synchronization Appliance เป็นการลดความเสี่ยง พร้อมทั้งควบคุมพฤติกรรมกรณีระบบ Time Server ล่มได้ รวมถึงยังออกแบบระดับของการทำ Redundancy เองได้ ทำให้ Uptime ของระบบยาวนานขึ้น เกิดความเสี่ยงที่จะมีปัญหาการ Login ใช้งานเครื่อง PC ทั้งองค์กรไม่ได้พร้อมๆ กัน รวมถึงระบบงานทั้งหมดยังมีเวลาใกล้เคียงกันด้วย Delay และ Latency ของระบบเครือข่ายภายในองค์กรที่มีน้อยกว่า Public Network อีกทั้งยังช่วยแก้ไขปัญหาอื่นๆ ของระบบเครือข่าย เช่น การติดตามข้อมูล Log ได้อีกด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจระบบ Time Server หรือ Time Synchronization Appliance สามารถติดต่อทรูเวฟได้ที่ 02-210-0969

เกี่ยวกับ Wavify TimeNX

Wavify TimeNX เป็น Unified Time Synchronization Appliance ที่ทำการประสานเวลาจากดาวเทียมผ่านทางเสา GPS ที่ติดตั้งมากับตัว Appliance เพื่อให้บริการ Time Synchronization ที่ความแม่นยำระดับ Stratum-1 ตรงตามกฎหมายพรบ.ความผิดทางคอมพิวเตอร์ของประเทศไทย โดยในการใช้งานระดับองค์กรมักจะถูกใช้เพื่อตอบสนองต่อความต้องการดังต่อไปนี้

  • ปรับเวลาของระบบ Log บน Firewall, Switch และ Software ให้ตรงกันทั้งองค์กร เพื่อให้สามารถนำข้อมูล Log มาใช้ร่วมกันระหว่างหลายอุปกรณ์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ และถูกต้องตามกฎหมาย
  • ปรับเวลาของเครื่อง Server และ Client ทั้งหมดให้ตรงกัน เพื่อให้ Application ทั้งหมดทำงานอยู่บนฐานเวลาเดียวกัน
  • ปรับเวลาของเครื่องจักรในสายการผลิต และแล็บทดลองต่างๆ ให้ตรงกัน เพื่อให้การทำงานร่วมกันของเครื่องจักรเป็นไปได้อย่างถูกต้อง
  • ปรับเวลาของอุปกรณ์เครือข่ายในหน่วยงานสาขาต่างๆ ให้ตรงกัน เพื่อให้ระบบงานทำงานข้ามสาขาได้อย่างถูกต้อง

โดย Wavify TimeNX รุ่นที่แนะนำ มีดังนี้

  • NX-500: GPS-based Unified Time Synchronization Appliance รองรับการประสานเวลาให้อุปกรณ์อื่นๆ จากสัญญาณเวลา GPS สูงสุด 4,400 อุปกรณ์ต่อวินาที
  • NX-300: GPS-based Unified Time Synchronization Appliance รองรับการประสานเวลาให้อุปกรณ์อื่นๆ จากสัญญาณเวลา GPS สูงสุด 2,500 อุปกรณ์ต่อวินาที
  • NX-200: Peer-2 Unified Time Synchronization Appliance รองรับการประสานเวลาที่หน่วยงานสาขา จากสัญญาณเวลา NX-500 และ NX-300 สูงสุด 1,000 อุปกรณ์ต่อวินาที

ข้อมูลเพิ่มเติม: www.wavify.com

Supermicro Embedded Server Solutions – ทางเลือกของนักพัฒนาไทยในการ OEM Hardware Server

Supermicro ผู้ผลิต Server ประสิทธิภาพสูงสำหรับ Data Center ขนาดใหญ่ทั่วโลก ได้เปิดตัว Supermicro Embedded Server Solutions สำหรับตอบรับตลาด OEM ให้แก่ผู้พัฒนา Software ทั่่วโลก ด้วยสถาปัตยกรรม CPU แบบ x86 ทำให้สามารถทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการชั้นนำต่างๆ และซอฟต์แวร์ได้อย่างหลากหลาย ในขณะที่การออกแบบ Server Hardware เองก็มีความเป็นเอกลักษณ์สูง มีความหลากหลายให้เลือกใช้งานตามความต้องการของระบบ Software ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น

  • Medical Imaging – เครื่อง Embedded Server ที่ใช้ Dual Socket CPU ประสิทธิภาพสูงอยาง Intel E5 2600 v3 พร้อมทั้งติดตั้งหน่วยความจำขนาดใหญ่ได้
    Digital Security & Surveillance – เครื่องแม่ข่ายสำหรับใช้ติดตั้ง CCTV Software โดยเฉพาะ มีพร้อมทั้งระบบจัดเก็บข้อมูล, ระบบระบายความร้อน และช่อง PCI-E สำหรับเพิ่มปริมาณการเชื่อมต่อกับกล้อง CCTV ได้เป็นอย่างดี
  • Communication Infrastructure – เครื่องแม่ข่าย CPU ประหยัดพลังงาน พร้อม Network Interface หลากหลายรูปแบบเช่น 1GbE Bypass, 10GbE, Network Interface ด้านหน้าอุปกรณ์ เพื่อใช้ติดตั้ง Software สำหรับใช้งานใน Data Center โดยเฉพาะ เช่น Network Monitoring, Firewall/IPS เป็นต้น
  • Industrial Automation – เครื่องแม่ข่ายที่มาพร้อมกับความสามารถในการระบายความร้อนเป็นพิเศษ และมี PCI-E Interface สำหรับเชื่อมต่อกับ Hardware ต่างๆ ในโรงงานจำนวนมาก เพื่อติดตั้ง Software Automation สำหรับควบคุมเครื่องจักรในโรงงานโดยเฉพาะ
  • Retail Applications – สำหรับระบบ Kiosk หรือ Advertising ตามห้างร้านต่างๆ ทาง Supermicro ก็ได้เตรียม Server ขนาดเล็ก, ประหยัดไฟ, ความทนทานสูง และเสียงเงียบเอาไว้ติดตามจุดต่างๆ ภายในอาคารได้เช่นกัน ตอบโจทย์ Internet of Things ได้อย่างครอบคลุม
  • Cloud and Cold Storage – สำหรับระบบที่ต้องการใช้งาน Storage จำนวนมากในงบประมาณที่่ประหยัด ทาง Supermicro ก็มี Storage Server ซึ่ง OEM ให้ผู้ผลิตทั่วโลกมาแล้วหลายราย
  • Transportation Control – ระบบควบคุมการจราจรที่จำเป็นจะต้องมีเครื่องติดตั้งทั้งใน Data Center และกระจายตามป้อมตำรวจหรือด่านตรวจทั่วเมือง ทาง Supermicro ก็ได้เตรียมเครื่องแม่ขายที่มีความทนทานสูง, ทนความร้อนได้ และมีประสิทธิภาพสูงสำหรับรองรับงานลักษณะนี้โดยเฉพาะ
  • Digital Content Management and Distribution – สำหรับงานตัดต่อวิดีโอและทำ Streaming รวมถึงงาน Content Management และ Analytics ทาง Supermicro ได้เตรียม Server ขนาด 4U ที่สามารถใช้งานเป็นได้ทั้ง Desktop และ Server ในเวลาเดียวกัน พร้อมทั้งมี PCI-E Interface ที่่่สามารถใส่การ์ดขนาดใหญ่เพือรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับงาน Video โดยเฉพาะเอาไว้

2014-12-23_152713

โดย Supermicro Embedded Server Solutions นี้ จะถูกออกแบบมาให้มีความทนทานสูงเป็นพิเศษ และยังเลือกใช้ Component ต่างๆ ที่มีแผนการสนับสนุนยาวนานเกินกว่า 7 ปี ทำให้ผู้ผลิต Software สามารถสบายใจได้ว่า Hardware กลุ่มนี้จะไม่ถูกประกาศ End-of-Life ในระยะเวลาสั้นๆ และยังมีประกันที่ครอบคลุมทั่วทั้งโลกอีกด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อตัวทรูเวฟได้ที่ 02-210-0969

ข้อมูลเพิ่มเติม
Supermicro Embedded Solution Datasheet https://www.supermicro.com/manuals/brochure/brochure_Embedded.pdf
Supermicro Embedded Solution Website https://www.supermicro.com/products/embedded/
Supermicro Embedded Superserver https://www.supermicro.com/products/embedded/embedded_server.cfm
Supermicro Embedded Atom https://www.supermicro.com/products/nfo/atom.cfm

Supermicro ทำลายสถิติโลกด้วย Server ความเร็วสูง Latency ต่ำ สำหรับงานประมวลผลทางด้านการเงินโดยเฉพาะ

Supermicro (NASDAQ: SMCI) ผู้ผลิต Server ประสิทธิภาพสูงสำหรับ Data Center ขนาดใหญ่ชั้นนำทั่วโลก ได้เข้ารับการทดสอบประสิทธิภาพจาก Securities Technology Analysis Center (STAC) ซึ่งทำการทดสอบเครื่อง Server ใน Configuration ต่างๆ สำหรับงานประมวลผลประสิทธิภาพสูงโดยเฉพาะ และได้ทำลายสถิติโลกใน 2 การทดสอบ ได้แก่ STAC-N1 และ STAC-A2

ในการทดสอบ STAC-N1 นั้น จะเน้นการทดสอบการทำงานของ Server ร่วมกันผ่านระบบเครือข่ายด้วย Network Interface Card สำหรับการใช้งานร่วมกับ Application ที่เน้นการใช้ Network API ภายในระบบเพื่อสร้าง Trading Application ประสิทธิภาพสูงโดยเฉพาะ ซึ่ง Network Latency ก็กลายเป็นปัจจัยสำคัญมากเนื่องจาก Network Latency มักจะกลายเป็นคอขวดของระบบ Trading โดยทั่วไป ซึ่งจากการทดสอบนั้น Latency โดยเฉลี่ย, Latency สูงสุด และ Jitter ของ Supermicro รุ่นที่ทำการทดสอบนั้นถือว่าต่ำที่สุดเป็นสถิติโลก โดยมี Configuration ดังนี้

  • UDP using the udp-tcp-sock-v1.0.3 binding for STAC-N1
  • Supermicro SYS-1028UX-CR-LL1 Servers
  • RHEL 6.5
  • Intel Xeon E5-2643 v3 “Haswell” Processors
  • Solarflare Flareon Ultra SFN7122F Network Adapter with OpenOnload
  • 10 Gbps Ethernet by cross-over cable

สำหรับการทดสอบ STAC-A2 จะเน้นการทดสอบระบบ Server เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับระบบ Pricing และ Risk Management โดยเฉพาะ ซึ่ง Supermicro รุ่นที่เข้าทดสอบก็ได้ทำลายสถิติโลกเช่นกันด้วย Configuration ดังนี้

  • STAC-A2 Pack for Intel Composer XE (Rev E)
  • Intel® C++ Compiler XE
  • Intel® Math Kernel Library
  • Intel® Threading Building Blocks
  • Microsoft Windows Server 2012 R2 Datacenter Edition
  • 1 x Intel Xeon Phi 7120P Co-Processor
  • 2 x Intel Xeon E5-2697 v3 processors at 2.60GHz (Haswell EP)
  • Supermicro® Superserver SYS-1028GR-TR

ซึ่งจากการทำลายสถิติโลกพร้อมๆ กันถึง 2 การทดสอบนี้ ทำให้การจับมือกันระหว่าง Supermicro และ Intel กลายเป็นการเปิดศักราชใหม่สำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ทางด้าน Financial ที่จะมีทางเลือกของ Hardware ประสิทธิภาพสูงใหม่ๆ เพิ่มเติม

สำหรับผู้ที่สนใจ Supermicro สามารถติดต่อทรูเวฟได้ที่ 02-210-0969

ที่มา: https://www.supermicro.com/newsroom/pressreleases/2014/press141113_STAC.cfm

เพิ่มความทนทาน, ความเร็ว และความปลอดภัยให้ Microsoft Exchange 2013 ด้วย Array Networks APV Application Delivery Controller

สำหรับองค์กรที่มีการใช้งาน Microsoft Exchange 2013 ภายในองค์กร และต้องการที่จะเพิ่มความทนทานไปพร้อมๆ กับการเพิ่มความเร็วและความปลอดภัยให้กับระบบ Microsoft Exchange 2013 ที่มีการใช้งานอยู่ Array Networks APV ซึ่งเป็นระบบ Application Delivery Controller สามารถตอบโจทย์เหล่านี้ได้ด้วยความสามารถในการทำ Layer 4 Load Balancing, High Availability, SSL Acceleration, SSL Offloading, DDoS Protection, TCP Connection Multiplexing, Caching และ Compression ไปพร้อมๆ กัน โดยมีรายละเอียดดังนี้

microsoft_exchange_2013_architecture

จาก Diagram การทำงานของ Microsoft Exchange 2013 ดังที่ปรากฎ ส่วนหลักๆ ของระบบ Microsoft Exchange 2013 จะประกอบไปด้วยระบบย่อย 2 ส่วน ได้แก่ Client Access Server สำหรับทำหน้าที่เป็นหน้าด่านให้ Client เข้ามาทำการเชื่อมต่อกับระบบ Email และระบบอื่นๆ ของ Microsoft Exchange 2013 และอีกส่วนได้แก่ Mailbox Server สำหรับทำหน้าที่จัดเก็บข้อมูลทางด้าน Email นั่นเอง โดย Array APV จะมีบทบาทในส่วนของ Load Balancer ก่อนที่ผู้ใช้งานจะสามารถเข้าถึง Client Access Server ได้

โดยการติดตั้ง Array Networks APV เพื่อทำหน้าที่ Application Delivery Controller สำหรับ Microsoft Exchange 2013 นี้ จะช่วยให้ระบบ Microsoft Exchange 2013 ได้รับประโยชน์ดังต่อไปนี้

เพิ่มความทนทาน และความสามารถในการเพิ่มขยายระบบ
ด้วยความสามารถในการทำ Load Balancing ของ Array Networks APV ทำให้ Microsoft Exchange 2013 สามารถมี Uptime ระดับ 99.999% ได้ รวมถึงยังสามารถเพิ่ม Client Access Server แบบ Scale-out เพื่อรองรับผู้ใช้งานพร้อมๆ กันจำนวนมากขึ้นได้อีกด้วย

เพิ่มความทนทานระหว่าง Data Center หลายสาขา
Array Networks APV สามารถทำ Global Server Load Balance เพื่อทำการ Load Balance ระหว่างสาขากรณีที่ Microsoft Exchange 2013 ในสาขาใดสาขาหนึ่งหยุดทำงานไปได้ อีกทั้งยังช่วยทำการ Load Balance ให้ผู้ใช้งานได้เข้ามาทำการเชื่อมต่อไปยัง Data Center ที่ใกล้ที่สุดเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการใช้งานสูงสุดได้อีกด้วย

เพิ่มความทนทานของ ISP Network Link
การเพิ่มความทนทานของ Microsoft Exchange 2013 ด้วยการเพิ่มจำนวน ISP Link เพื่่อลดความเสี่่ยงที่ Link ของ ISP เจ้าใดเจ้าหนึ่งจะหยุดทำงานไปนั้น สามารถทำได้ด้วยความสามารถ Link Load Balancer ของ Array Networks APV ทำให้ระบบมี Uptime ที่่สูงขึ้นไปอีก

เพิ่ม Throughput และประสิทธิภาพด้วย TCP Connection Multiplexing
การติดตั้ง Array Networks APV แบบ Reverse Proxy นัั้น จะทำให้ Array Networks สามารถเพิ่ม Throughput และ Performance ของ Microsoft Exchange 2013 ได้อย่างง่ายดาย โดย Array Networks APV จะช่วยทำ TCP Connection Multiplexing ทำให้ Microsoft Exchange มีปริมาณการทำ TCP 3-way Handshake ลดลง ทำให้ประหยัด CPU และ Network IO ลงไปได้ และสามารถให้บริการ Client ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

เพิ่มความเร็วด้วยการทำ Cache Offload
Array Networks APV สามารถช่วยทำ Caching ให้กับระบบ Microsoft Exchange 2013 ได้ ทำให้สามารถลดการส่งข้อมูลที่มีความซ้ำซ้อนกันไปยังเครื่อง Client ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตอบสนองผู้ใช้งานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ลดการใช้งาน Bandwidth ลงด้วยการทำ HTTP Compression
สำหรับการส่ง Attachment ไปให้ผู้ใช้งาน Array Networks APV จะช่วยทำ HTTP Compression เพื่อช่วยบีบอัดขนาดของไฟล์เหล่านั้นให้ ทำให้การ Download Attachment สามารถทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้นทั้งบน LAN และ WAN พร้อมๆ กัน

ปกป้องการโจมตีเครือข่ายและ Server ไปพร้อมๆ กัน
Array Networks APV สามารถปกป้องระบบ Microsoft Exchange 2013 จากการโจมตีรูปแบบหลากหลายได้ ไม่ว่าจะเป็น DDoS, SYN Flood, TCP Port Scan, UDP Port Scan และอื่นๆ อีกมากมาย

โดยการกำหนดค่าคร่าวๆ นั้น จะมีการทำ Load Balancing สำหรับ Service ต่างๆ ดังนี้

array_networks_apv_for_microsoft_exchange_2013

สำหรับผลลัพธ์ของการติดตั้ง Array Networks APV นี้ จะทำให้บริการทั้งหมดของ Microsoft Exchange 2013 อยู่บน Virtual IP เดียวกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น OWA, ECP, ActiveSync, Offline Address Book, Outlook Anywhere และ Autodiscover ทำให้ง่ายต่อการเรียกใช้งานของผู้ใช้งาน ในขณะที่ระบบยังคงมีความทนทาน มีประสิทธิภาพสูง และมีความปลอดภัยในระดับที่สูงขึ้นไปพร้อมๆ กัน

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อทรูเวฟได้ที่ 02-210-0969

ข้อมูลเพิ่มเติม
Array Networks – Microsoft Exchange Load Balancing Website https://www.arraynetworks.com/solutions-exchange-load-balancing.html

Array Networks นำเสนอโซลูชั่น SSL-VPN ตอบรับตลาดมหาวิทยาลัยสำหรับเข้าถึง Paper งานวิจัยต่างประเทศได้จากทุกที่ทุกเวลา

Array Networks ผู้ผลิตระบบ Application Delivery Controller และ SSL-VPN ชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา ได้ตอบโจทย์ความต้องการของมหาวิทยาลัยทั่วโลกด้วย Solution สำหรับการเข้าถึง Paper งานวิจัยที่แต่ละมหาวิทยาลัยทำการเช่าฐานข้อมูลงานวิจัยต่างๆ เอาไว้ ผ่านทาง SSL-VPN Portal จาก Web Browser ได้ทันที ทำให้แต่ละมหาวิทยาลัยสามารถมีระบบสำหรับให้อาจารย์และนักศึกษาเข้าถึงฐานข้อมูลงานวิจัยเหล่านี้ได้จากทุกที่ทุกเวลา

โดยทั่วไปแล้วการเช่าฐานข้อมูลงานวิจัยในลักษณะนี้ มักจะมีการรักษาความปลอดภัยด้วยการจำกัดวง IP Address ที่เข้าถึงได้ ให้เป็น IP Address ขององค์กรที่ทำการเช่าใช้งานฐานข้อมูลนั้นๆ พร้อมทั้งต้องมีการยืนยันตัวตนด้วย Username/Password ภายในองค์กร ทำให้การใช้งานฐานข้อมูลงานวิจัยสามารถทำได้จากภายในองค์กรเท่านั้น

diagram_4-big

ด้วยเทคโนโลยีของ Array Networks AG การทำ SSL-VPN จึงสามารถมาช่วยตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้ โดยการสร้าง SSL-VPN Portal สำหรับให้ผู้ใช้งานเข้ามายืนยันตัวตนผ่านหน้า Website เพื่อใช้งาน Secure Browser โดยให้ Array Networks AG ทำหน้าที่เป็น Proxy ที่มี IP Address ของมหาวิทยาลัยได้จากทุุกที่ทุกเวลา ทำให้สามารถเข้าถึงฐานข้อมูล Paper งานวิจัยที่ทำการเช่าเอาไว้ได้เสมือนกำลังเข้าใช้งานจากระบบเครือข่ายภายในมหาวิทยาลัย เพิ่มความยืดหยุ่นและสะดวกรวดเร็วทางการศึกษาและการวิจัยเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ Array Networks AG ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการยืนยันตัวตน, กำหนดสิทธิ์, การสร้างข้อมูล Log การเข้าใช้งาน, การเข้ารหัสข้อมูลการใช้งานด้วย 2048-bit SSL, DDos Prevention และ Layer 7 Content Filtering รวมถึงสามารถใช้งานเป็นระบบ Remote Access สำหรับหน่วยงานต่างๆ แยกย่อยได้ด้วการทำ Virtual Portal อีกด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อทรูเวฟได้ที่ 02-210-0969

ข้อมูลเพิ่มเติม
Array Networks AG Series Website https://www.arraynetworks.com/products-secure-access-gateways-ag-series.html
Array Networks AG Datasheet https://www.arraynetworks.com/ufiles/resources/DS-AG-Series-Sept-2014-Rev-A.pdf

ForeScout แจกฟรี คู่มือ 10 Best Practice for Mobile Device Management (MDM)

สำหรับองค์กรไหนที่มีแผนจะรักษาความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์พกพาทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น Desktop, Laptop, Smart Phone หรือ Tablet ก็ตาม สามารถ Download คู่มือ 10 Best Practice for Mobile Device Management หรือ MDM ฟรีๆ ได้ทันทีครับ ซึ่งคู่มือนี้จะสามารถนำประยุกต์ใช้กับธุรกิจอะไรก็ได้ และสามารถนำไปปรับใช้กับผลิตภัณฑ์อะไรก็ได้เช่นกันครับ

ผู้ที่สนใจ สามารถ Download ได้ที่นี่ทันทีครับ https://www2.forescout.com/10_best_practices_mdm

ForeScout เปิดตัว Hardware Inventory Plugin เก็บข้อมูลเครื่องลูกข่ายถึงระดับ CPU, RAM และ Hard Drives

ForeScout ผู้ผลิตระบบ Next Generation Network Access Control และ BYOD ได้ประกาศเปิดตัว Hardware Inventory Plugin สำหรับผลิตภัณฑ์ ForeScout CounterACT เพื่อให้ ForeScout CounterACT สามารถทำการรวบรวมข้อมูลของเครื่องลูกข่ายที่ใช้งานระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows ได้ในเชิงลึกยิ่งขึ้น โดยสามารถรวบรวมข้อมูลของการใช้งาน Certificate, Computer, Logical Device, Motherboard, Network Adapter, Physical Device, Physical Memory, Plug n Play Device, Processor และ USB Connected Device ได้ เพื่อใช้เป็นเงื่อนไขในการออกรายงาน และสร้างนโยบายรักษาความปลอดภัยองค์กรได้อย่างครอบคลุม

screenshot-windows_pc_inventory_with_missing_updates

การเปิดตัว Hardware Inventory Plugin ครั้งนี้ ทำให้ ForeScout CounterACT มีความสามารถที่หลากหลายขึ้นมาก จากเดิมที่ ForeScout สามารถทำการค้นหาและสร้างรายการ Hardware/Software Inventory ของอุปกรณ์ทั้งหมดในเครือข่ายได้โดยอัตโนมัติ พร้อมทั้งทำการจำแนกประเภทของอุปกรณ์ต่างๆ ได้ เพื่อให้ผู้ดูแลระบบสามารถออกนโยบายรักษาความปลอดภัยที่แตกต่างกันไปตามชนิดของอุปกรณ์เครือข่ายและเครื่องลูกข่ายได้ ทำให้สามารถตอบโจทย์ของ Endpoint Compliance และ BYOD ได้อย่างยืดหยุ่น รวมถึงการทำ PC Managment เพื่อควบคุมการใช้งาน Software ในเครื่องลูกข่ายด้วย แต่ปัจจุบันนี้ ForeScout ยังได้เพิ่มขีดความสามารถเพื่อให้การออกรายงานและการติดตามสถานะการใช้งาน Hardware ไม่ว่าจะเป็น CPU, RAM, Hard Drives และการใช้พลังงานของเครื่องลูกข่ายในองค์กรทั้งหมด สามารถทำได้ภายในอุปกรณ์ Next Generation Network Access Control เพียงเครื่องเดียว

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-210-0969

ข้อมูลเพิ่มเติม
บทความแนะนำ ForeScout ภาษาไทย โดย Throughwave Thailand https://www.throughwave.co.th/products/forescout-technologie/
ForeScout CounterACT for Endpoint Compliance Website https://www.forescout.com/solutions/endpoint-compliance/

แนะนำ Supermicro MicroCloud – โซลูชันพิเศษตอบโจทย์ Cloud ด้วย 24 Server ในขนาด 3U

เพื่อตอบรับกับการเติบโตของความต้องการของระบบ Data Center ที่ต้องการประสิทธิภาพในระดับสูง ไม่ว่าจะเป็น Cloud Computing, Content Delivery Network (CDN), Video Streaming, Social Networking, Web Cache, Web Server, Memcache หรือแม้แต่ Colocation ก็ตาม Supermicro ผู้ผลิต Server ประสิทธิภาพสูงสำหรับ Data Center ขนาดใหญ่ทั่วโลก จึงได้ออกแบบ MicroCloud Server สำหรับตอบสนองความต้องการเหล่านี้ ด้วย Enclosure ขนาด 3U Rack Mount และมี Server ภายในตั้งแต่ 8 ถึง 24 เครื่องภายใน Enclosure เดียว ทำให้สามารถประหยัดการลงทุน Data Center ขนาดใหญ่ลงได้เป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ Server แต่ละเครื่องภายใน MicroCloud Enclosure จะมีสเป็คให้เลือกหลากหลายตามความต้องการ ตั้งแต่ CPU Intel E3-1200 สำหรับระบบที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในราคาที่คุ้มค่า, CPU Intel Atom สำหรับระบบที่เน้นการใช้งาน I/O และประหยัดพลังงาน หรือ CPU AMD สำหรับระบบที่เน้นการใช้งานจำนวน Core CPU โดยเฉพาะ

โดยในการใช้งาน Server แต่ละเครื่องจะใช้งาน Redundant Power Supply ที่ตัว Enclosure ร่วมกัน และแต่ละ Server จะมี CPU, RAM, HDD/SSD และ Network Interface แยกขาดจากกัน ทำให้การเชื่อมต่อเข้าไปยัง Server แต่ละเครื่องสามารถทำงานได้ด้วย Throughput สูงสุด เหมาะสำหรับระบบที่สามารถเพิ่มขยายได้แบบ Scale-out โดยเฉพาะ ซึ่งด้วยสถาปัตยกรรมของ MicroCloud นี้ จะส่งผลให้การลงทุนสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการเช่าตู้ Rack ลงได้จากปกติถึง 8 เท่า และยังประหยัดไฟกว่าอีกด้วย

CloudMosa บริษัท Startup เจ้าของเทคโนโลยี Desktop-class Mobile Browser ที่ทำให้ Smart Phone และ Tablet สามารถใช้งาน Web Browser ได้ด้วยประสบการณ์แบบเดียวกับการใช้งาน Desktop ด้วยความเร็วสูง และสามารถใช้งาน Flash ได้บน Mobile Browser บนทุกอุปกรณ์ ได้เลือกใช้ Supermicro MicroCloud ขนาด 576 CPU Cores พร้อมหน่วยความจำขนาด 4,608GB (4.6TB) แทนการเช่า Amazon AWS เดือนละ 60,000 USD (ประมาณ 1.8 ล้านบาท) ซึ่งการลงทุน Supermicro MicroCloud นั้น เมื่อเปรียบเทียบกับการเช่า Amazon AWS แล้ว สามารถคืนทุนได้ภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือนกว่าๆ เท่านั้น

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อตัวทรูเวฟได้ที่ 02-210-0969

ข้อมูลเพิ่มเติม
Supermicro MicroCloud Website https://www.supermicro.com/products/nfo/MicroCloud.cfm
Supermicro MicroCloud Datasheet https://www.supermicro.com/products/nfo/files/MicroCloud/f_MicroCloud.pdf
Supermicro MicroCloud – CloudMosa Whitepaper https://www.supermicro.com/white_paper/white_paper_Supermicro-Powers-Mobile-with-CloudMosa.pdf

Supermicro เปิดตัว Storage Server กว่า 30 รุ่น ตอบทุกโจทย์ความต้องการในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูล ในราคาที่คุ้มค่า

Supermicro ผู้ผลิต Server ประสิทธิภาพสูงสำหรับ Data Center ขนาดใหญ่ทั่วโลก จากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เปิดตัว Storage Server ซึ่งเป็น Server ที่สามารถติดตั้้ง Hard Disk Drive และ Solid State Drive ได้จำนวนมากเป็นพิเศษสำหรับระบบงานที่ต้องมีการจัดเก็บข้อมูลปริมาณมากโดยเฉพาะ เพิ่มมาอีกกว่า 30 รุ่น ซึ่งสามารถมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้ตั้งแต่ 12TB – 432TB ภายในเครื่องเดียว และรองรับการเพิ่มขยายได้เกินกว่า 6,000TB โดยมีการปรับปรุงใหม่ๆ ที่น่าสนใจดังนี้

  • ใช้ CPU Intel รุ่นล่าสุด Intel Xeon E5 2600 v3 รองรับการใช้งานสูงสุดถึง 36 Cores และหน่วยความจำกว่า 1.5TB บน Server Mainboard ตระกูล X10 https://www.supermicro.com/products/nfo/storage.cfm
  • รองรับ SAS3 ที่ความเร็ว 12Gbps ต่อ Hard Drive แต่ละลูก
  • รองรับ Seagate Kinetic Drives สำหรับรองรับงาน Object Storage ซึ่งเรียกใช้ผ่าน Kinetic Storage API โดยเฉพาะ โดยมี 12x 4TB Kinetic Drives ต่อความสูง 1U
  • ต่อ Network Uplink 40Gbps https://www.supermicro.com/products/system/1U/K1048/SSG-K1048-RT.cfm
  • มี Atom Storage Server รองรับ 12x 3.5″ HDD ในขนาดเพียง 1U https://www.supermicro.com/products/system/1U/5018/SSG-5018A-AR12L.cfm
  • รองรับการใช้งานร่วมกับ OS และ Hypervisor หลากหลาย ได้แก่ Microsoft Windows Server, Red Hat Enterprise Linux, Linux, Unix และ VMware vSphere

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อตัวทรูเวฟได้ที่ 02-210-096

ข้อมูลเพิ่มเติม

3 ข้อแนะนำ สำหรับการเลือกจุดติดตั้งเสา GPS ให้ Time Server ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

สำหรับการลงทุนระบบ Time Server หรือ Time Synchronization Appliance นั้น การเลือกจุดติดตั้งเสา GPS เพื่อทำการรับสัญญาณเวลาจากดาวเทียมถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดเรื่องหนึ่ง ซึ่งประเด็นที่น่าสนใจสำหรับการเลือกจุดติดตั้งเสา GPS มีดังนี้

1. ติดตั้ง GPS ภายนอกอาคาร ในตำแหน่งที่มองเห็นท้องฟ้าอย่างทั่วถึง
เพื่อให้ GPS สามารถเชื่อมต่อดาวเทียมได้เป็นจำนวนมากที่สุด และรองรับกรณีที่มีเมฆฝน การที่เสา GPS อยู่ในที่โล่งจะยิ่งทำให้โอกาสในการเชื่อมต่อดาวเทียมสำเร็จได้สูงขึ้น และการ Wiring ทั้งหมดก็ต้องเดินแบบ Outdoor ด้วยเช่นกัน โดยสำหรับกรณีที่ไม่สามารถติดตั้งภายนอกอาคารได้ ให้ทำการทดสอบอุปกรณ์เสา GPS ภายในอาคารให้มั่นใจก่อนเสมอ

2. ติดตั้ง GPS ให้ห่างจากสายล่อฟ้าของอาคาร
เพื่อไม่ให้เสา GPS ได้รับความเสียหาย หรือเกิดความเสี่ยงที่จะถูกฟ้าผ่า การติดตั้งเสา GPS ให้ห่างจากสายล่อฟ้าของอาคารก็จะทำให้เสา GPS ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ฟ้าผ่าน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

3. ติดตั้ง GPS ให้ไม่เกินระยะที่กำหนดของอุปกรณ์ Time Server
Time Server หรือ Time Synchronization Appliance แต่ละยี่ห้อจะมีระยะในการติดตั้งเสา GPS ให้ห่างจากตัวอุปกรณ์ได้สูงสุดแตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรสอบถามผู้ผลิตหรือผู้ขายให้ชัดเจนเสมอว่าระยะในการเดินสายสามารถทำได้ไม่เกินกี่เมตร

สำหรับผู้ที่สนใจระบบ Time Server หรือ Time Synchronization Appliance สามารถติดต่อทรูเวฟได้ที่ 02-210-0969

wavify_timenx_diagram_01

เกี่ยวกับ Wavify TimeNX

Wavify TimeNX เป็น Unified Time Synchronization Appliance ที่ทำการประสานเวลาจากดาวเทียมผ่านทางเสา GPS ที่ติดตั้งมากับตัว Appliance เพื่อให้บริการ Time Synchronization ที่ความแม่นยำระดับ Stratum-1 ตรงตามกฎหมายพรบ.ความผิดทางคอมพิวเตอร์ของประเทศไทย โดยในการใช้งานระดับองค์กรมักจะถูกใช้เพื่อตอบสนองต่อความต้องการดังต่อไปนี้

  • ปรับเวลาของระบบ Log บน Firewall, Switch และ Software ให้ตรงกันทั้งองค์กร เพื่อให้สามารถนำข้อมูล Log มาใช้ร่วมกันระหว่างหลายอุปกรณ์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ และถูกต้องตามกฎหมาย
  • ปรับเวลาของเครื่อง Server และ Client ทั้งหมดให้ตรงกัน เพื่อให้ Application ทั้งหมดทำงานอยู่บนฐานเวลาเดียวกัน
  • ปรับเวลาของเครื่องจักรในสายการผลิต และแล็บทดลองต่างๆ ให้ตรงกัน เพื่อให้การทำงานร่วมกันของเครื่องจักรเป็นไปได้อย่างถูกต้อง
  • ปรับเวลาของอุปกรณ์เครือข่ายในหน่วยงานสาขาต่างๆ ให้ตรงกัน เพื่อให้ระบบงานทำงานข้ามสาขาได้อย่างถูกต้อง

โดย Wavify TimeNX รุ่นที่แนะนำ มีดังนี้

  • NX-500: GPS-based Unified Time Synchronization Appliance รองรับการประสานเวลาให้อุปกรณ์อื่นๆ จากสัญญาณเวลา GPS สูงสุด 4,400 อุปกรณ์ต่อวินาที
  • NX-300: GPS-based Unified Time Synchronization Appliance รองรับการประสานเวลาให้อุปกรณ์อื่นๆ จากสัญญาณเวลา GPS สูงสุด 2,500 อุปกรณ์ต่อวินาที
  • NX-200: Peer-2 Unified Time Synchronization Appliance รองรับการประสานเวลาที่หน่วยงานสาขา จากสัญญาณเวลา NX-500 และ NX-wavify_timenx_diagram_01300 สูงสุด 1,000 อุปกรณ์ต่อวินาที

ข้อมูลเพิ่มเติม: www.wavify.com