Posts
แนะนำ Supermicro FatTwin ระบบ Server สำหรับงาน Cluster และ Render Farm โดยเฉพาะ
/in Blog, Supermicro Blog1. FatTwin หน้าตาเป็นอย่างไร?
2. จุดเด่นของ FatTwin
2.1 Storage Node
2.2 Front IO Node
2.3 GPU Node
3. ใครเหมาะสมกับการเลือกใช้ FatTwin?
Supermicro เปิดตัว Virtual Desktop Solution ร่วมกับ NVIDIA GRID เสริมพลังงานประมวลผลกราฟฟิคสำหรับ Thin Client
/in Latest News & Event, Supermicro NewsSupermicro ผู้ผลิตระบบ Server ชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศเปิดตัว Virtual Desktop Infrastructure Solution (VDI) แบบใหม่ร่วมกับ NVIDIA GRID ที่สามารถนำการ์ดประมวลผลกราฟฟิคหรือ GPU เข้ามาช่วยประมวลผลได้ ทำให้การใช้งานซอฟต์แวร์ที่มีการคำนวนกราฟฟิคบนระบบ Virtual Desktop เป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ต่อความต้องการขององค์กรได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น
การเปิดตัวเทคโนโลยี NVIDIA GRID ร่วมกับ Supermicro ครั้งนี้เกิดขึ้นในงาน “2013 NVIDIA GPU Technology Conference (GTC 2013)” ซึ่งจัดขึ้นที่ San Jose, California โดย NVIDIA ได้เปิดตัวการ์ด NVIDIA GRID K1 และ K2 ซึ่งเป็นการ์ดจอที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการทำ Virtualization เพื่อรองรับความต้องการในการประมวลผลทางด้านภาพบนระบบ VDI อย่างมีประสิทธิภาพสูง เช่น งานออกแบบทางด้านวิศวกรรม, งานออกแบบกราฟฟิคส์ และงานตัดต่อ ทำให้องค์กรต่างๆ สามารถนำระบบ VDI ไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายยิ่งขึ้น และลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวลง
ในขณะที่ระบบตัวอย่างที่มีการนำเสนอในงานนั้น สามารถรองรับผู้ใช้งาน Virtual Desktop ที่ใช้งานกราฟฟิคเป็นหลักได้ 600 เครื่องต่อเซิฟเวอร์ขนาด 42U ทาง Supermicro ได้กล่าวว่าระบบของ Supermicro ร่วมกับ NVIDIA GRID จะสามารถรองรับผู้ใช้งานที่เน้นงานกราฟฟิคได้มากถึง 1,800 เครื่องต่อเซิฟเวอร์ขนาด 42U ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานซอฟต์แวร์ประมวลผลกราฟฟิคต่างๆ ผ่านทาง Thin Client ได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น และองค์กรเองก็สามารถบริหารจัดการเครื่องลูกข่ายเสมือนเหล่านี้ได้ดียิ่งขึ้น และลดต้นทุนได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ ระบบ Cloud แบบใหม่สำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ หรือ Cloud Gaming ที่กำลังจะมาในอนาคตนี้ ก็จะมีเทคโนโลยีเดียวกันนี้เป็นพื้นฐานเช่นเดียวกัน ซึ่ง Supermicro ก็ได้กล่าวถึงความพร้อมในการผลิตเซิฟเวอร์สำหรับระบบ Cloud Gaming นี้อีกด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ที่ https://www.supermicro.com
———–
Supermicro เปิดตัวโซลูชันส์ Fat Twin Server ตอบรับเทรนด์ Cloud Data Center, Apache Hadoop, NoSQL และ Big Data
/in Latest News & Event, Supermicro News
Supermicro ผู้นำทางด้านระบบเซิฟเวอร์ประสิทธิภาพสูง และกินพลังงานต่ำ ได้เปิดตัวเซิฟเวอร์สถาปัตยกรรมใหม่ Fat Twin ที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับ Data Center ในยุคใหม่ที่ต้องการระบบประมวลผลประสิทธิภาพสูง, จัดเก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก, ดูแลรักษาง่าย และประหยัดไฟฟ้าถึงขีดสุด หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่า Fat Twin ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับกับระบบ Cloud Data Center, Apache Hadoop, NoSQL และ Big Data โดยเฉพาะนั่นเอง
Fat Twin Server เป็นอย่างไร?
Fat Twin Server นั้นจะมีเซิฟเวอร์ภายในตั้งแต่ 4 – 8 เครื่อง รวมแล้วมีความสูงมากถึง 4U สามารถติดตั้งได้บนตู้ Rack มาตรฐาน โดยเซิฟเวอร์ทุกเครื่องนี้จะสามารถถอดเปลี่ยนได้แบบ Hot Swap ทันที พร้อมทั้งมี Power Supply และพัดลมระบายอากาศอยู่ด้านหลังรวมทั้งสิ้น 4 ชุด
ทางด้านหน่วยประมวลผลนั้น Fat Twin ใช้ CPU Intel Xeon E5 เป็นหลัก ดังนั้นเซิฟเวอร์ทุกรุ่นภายใน Fat Twin แต่ละชุดนี้จะสามารถติดตั้ง CPU Intel E5 นี้ได้ 2 ชุด โดยมีจำนวน Core มากถึง 16 Cores และมีจำนวน Thread ได้สูงสุดถึง 32 Threads ในแต่ละเซิฟเวอร์นั่นเอง
สำหรับทางด้านหน่วยความจำนั้น แต่ละเซิฟเวอร์ใน Fat Twin สามารถใส่หน่วยความจำได้ตั้งแต่ 256GB ถึง 512GB ตามแต่รุ่นที่เลือก เรียกได้ว่าจริงๆ แล้วต่อให้เป็นระบบ In-memory Database ก็ยังสามารถติดตั้งใช้งานบน Fat Twin ได้เป็นอย่างดีเช่นกัน ซึ่งระบบ NoSQL ทั้งหลายที่ต้องการหน่วยความจำเป็นจำนวนมากก็น่าจะชอบการออกแบบระบบแบบนี้
แต่ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นนี้ยังถือว่าธรรมดามาก เมื่อเทียบกับข้อดีถัดๆ ไปจากนี้
มี Hard Drive ขนาด 3.5 นิ้วมากถึง 10 ลูกต่อ 1U!!!
คุณสมบัติสุดโดดเด่นข้อแรกของ Fat Twin ก็คงหนีไม่พ้นความหนาแน่นของ Hard Drive นี่เอง จากเดิมที่เซิฟเวอร์ความสูง 1U ทั่วๆ ไปนั้นสามารถใส่ Hard Drive ได้อย่างมากที่สุดก็แค่ 4 ลูกเท่านั้น แต่ด้วย Fat Twin นี้ทำให้ความสูง 1U สามารถมีพื้นที่ได้มากถึง 10 ลูก หรือคิดเป็น 250% จากสถาปัตยกรรมแบบเดิมๆ และเมื่อนำ Hard Drive ขนาด 4TB มาติดตั้งเข้าไปแล้ว ก็จะทำให้เรามีพื้นที่ได้มากสุดถึง 40TB ต่อ 1U เลยทีเดียว!
แล้วระบบแบบไหนถึงจะต้องการความจุมากถึงขนาดนี้? หนึ่งในระบบที่ต้องการความจุมากๆ และมีเซิฟเวอร์จำนวนหลายๆ เครื่องไปพร้อมๆ กันก็คือ Apache Hadoop นั่นเอง เพราะ Apache Hadoop มีการจัดเก็บข้อมูลซ้ำซ้อนเป็นจำนวนมากเพื่อความทนทานของระบบ และยังมีการทำ Indexing ในรูปแบบต่างๆ เพื่อเพิ่มความเร็วอีกด้วย ดังนั้นเพียงแค่ Fat Twin เพียงหนึ่งหรือสองชุด ก็เพียงพอต่อการสร้าง Apache Hadoop Cluster ประสิทธิภาพสูงไว้ใช้งานแล้ว
นอกจาก Apache Hadoop แล้ว ระบบ Cloud Data Center สมัยใหม่เองก็ต้องการความจุสูงเช่นกัน เนื่องจาก Cloud Vendor ในแต่ละเจ้าเริ่มที่จะมีแนวโน้มในการเลิกใช้ SAN Storage มากขึ้นเรื่อยๆ และแนะนำให้มีการจัดเก็บข้อมูลบน Local Storage ของเซิฟเวอร์แต่ละเครื่องเอง แล้วจึงทำ Replication ข้ามไปยังเครื่องอื่นเรื่อยๆ เพื่อให้มีความเสถียรของระบบสูง ซึ่งการทำแบบนี้แม้จะทำให้เราต้องใช้ Hard Drive มากขึ้นจากเดิมเป็น 2-3 เท่า แต่ก็สามารถแลกมาได้ด้วยการตัด SAN Storage Controller, HBA Adapter และ SAN Switch ออกไปจากเครือข่าย ทำให้ประหยัดต้นทุนไปได้มากทีเดียว
ทนความร้อนถึง 47 องศาเซลเซียส!!!
ข้อดีข้อที่สองของ Fat Twin Server ก็คือการทนความร้อนสูงถึง 47 องศาเซลเซียส ทำให้ค่าใช้จ่ายในการสร้าง Data Center ประหยัดลงไปมากในหลายๆ ครั้ง เพราะ Fat Twin สามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ในอุณหภูมิห้องแอร์ตามปกติ รวมถึง Data Center ขนาดใหญ่เองที่สร้างเสร็จไปแล้ว ก็สามารถลดการควบคุมอุณหภูมิให้กับ Fat Twin ได้มากเป็นพิเศษ จากเดิมที่ต้องควบคุมอุณหภูมิที่ประมาณ 20 – 25 องศาเซลเซียส ก็สามารถลดเหลือ 30-35 องศาเซลเซียสได้
ด้วยการทนความร้อนระดับนี้ ประกอบกับความจุของ Hard Drive ทำให้หลายๆ องค์กรสามารถเริ่มต้นระบบ Apache Hadoop สำหรับจัดเก็บข้อมูลแบบ Big Data ได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องสร้าง Data Center ใหม่, ไม่ต้องมีตู้ Rack รวมถึงไม่ต้องซื้อ SAN Storage มาใช้งานแต่อย่างใด เพียงแค่ซื้อ Fat Twin Server ชุดเดียว แล้วติดตั้งไว้ในห้องแอร์ ก็สามารถเริ่มต้นไปกับ Big Data ได้ทันที
ประหยัดไฟสูงสุดถึง 15%!!!
ด้วยความสามารถในการทนความร้อนได้ถึง 47 องศาเซลเซียส และประกอบกับการออกแบบระบบ Power Supply แบบ Digital Switching ที่ทำให้มี Power Efficiency มากถึง 95% ซึ่งเหนือกว่าคู่แข่งทุกเจ้า ทำให้ Supermicro Fat Twin สามารถประหยัดไฟได้มากกว่าเซิฟเวอร์ที่ประหยัดไฟที่สุดของคู่แข่งถึง 15% และสามารถประหยัดไฟกว่าเซิฟเวอร์ทั่วๆ ไปได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว เนื่องจากเซิฟเวอร์ทั่วๆ ไปนั้นนอกจากจะต้องคงอุณหภูมิไว้ที่ 20 – 25 องศาเซลเซียสแล้ว ยังมี Power Efficiency เพียงแค่ 80% เท่านั้น ซึ่งเมื่อเทียบกับ Fat Twin Server ที่สามารถทำงานที่อุณหภูมิ 30 – 35 องศาเซลเซียส พร้อม Power Efficiency ที่มากถึง 95% แล้ว ก็เรียกได้ว่าแตกต่างกันหลายเท่าตัว
Fat Twin Server เหมาะกับใคร?
สำหรับ Fat Twin Server นี้ จะเหมาะที่สุดสำหรับ
- ผู้ที่ต้องการเริ่มต้นระบบ Apache Hadoop, NoSQL หรือ Big Data ตัวอื่นๆ และระบบ Cloud Data Center – เนื่องจาก Fat Twin Server จะช่วยให้การลงทุนเริ่มต้นนั้นไม่สูงมาก ในขณะที่ Hardware ทั้งหมดเองถูกออกแบบให้มารองรับงานทางด้านนี้อยู่แล้วในตัว
- ผู้ที่ต้องการลงทุนระบบ Data Center ใหม่ทั้งหมด – การลงทุนเป็นสถาปัตยกรรม Fat Twin Server นอกจากจะช่วยให้ค่าใช้จ่ายตั้งต้นไม่สูงแล้ว ยังจะช่วยให้ค่าใช้จ่ายในระยะยาว ทั้งค่าไฟฟ้า และค่าการระบายความร้อนลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญอีกด้วย รวมถึงการใช้งาน CPU Intel E5 ที่จัดว่าเป็นรุ่นล่าสุดนี้ก็เป็นการรับประกันอายุการใช้งานเทคโนโลยีนี้ไปอีกถึง 5 ปีเป็นอย่างน้อย
สำหรับใครที่สนใจระบบ Supermicro Fat Twin Server หรือ Supermicro Server อื่นๆ ก็สามารถติดต่อสอบถามมาทางบริษัททรูเวฟ ประเทศไทย จำกัด ได้โดยตรงที่เบอร์ 02-210-0969 หรืออีเมลล์มาที่ info@throughwave.co.th ได้ทันที
ที่มา: https://www.throughwave.co.th
Nutanix Complete Cluster สำหรับ Private Cloud และ VDI
/in Blog, Nutanix Blogหลังกจากที่ Nutanix บริษัทผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Enterprise Cloud Infrastructure ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของอดีตพนักงาน Google, VMware, Oracle, AsterData และ Veritas ได้เปิดตัว Nutanix Complete Cluster ซึ่งเป็น Cloud Server/Storage Appliance ที่ทำงานแบบเดียวกับ Data Center ของ Google, Amazon และ Facebook แต่มุ่งเน้นเจาะตลาด Enterprise โดยเฉพาะ ก็เริ่มมีคำวิจารณ์จากสำนักข่าวต่างๆ มากมาย รวมถึงการทดสอบการใช้งานจริงจากผู้ใช้งานด้วย วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันในแง่เทคโนโลยี และลองฟังคำวิจารณ์จากลูกค้าที่ใช้งานอยู่จริงไปด้วย Read more
ติดต่อ Throughwave Thailand
หากท่านมีคำถาม, ข้อสงสัย, ต้องการใบเสนอราคา หรือต้องการพูดคุยกับทีมงาน สามารถติดต่อทีมงาน Throughwave Thailand ซึ่งมี Engineer คอยให้คำปรึกษาและบริการได้โดยตรงที่ info@throughwave.co.th หรือโทร 02-210-0969 ได้ทันที หรือสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ Throughwave Thailand ได้ที่ https://www.throughwave.co.th/
Pages
- Home
- [Register] Throughwave – Digital Connect 2023
- Array Networks AG Series – ระบบ Secure Access Gateway เข้าถึงเครือข่ายและ Application จากภายนอกองค์กรได้อย่างมั่นใจ
- Array Networks APV Series – ADC ที่ทำได้ทั้ง Server/Link Load Balance, SSL Offload, Web App Security และ DDoS Protection ในหนึ่งเดียว
- Blogs
- Career
- Cisco Meraki – โซลูชัน Cloud Networking ครบวงจร: WLAN, Switch, Security, SD-WAN, Endpoint Management, Security Camera
- Contact Us
- Cumulus Networks – ระบบปฏิบัติการ Linux สำหรับ Open Networking โดยเฉพาะ
- Edgecore Networks – Open Networking Switch ความเร็ว 1/10/40/100 GbE สำหรับ Cloud Data Center
- Forescout Technologies – ผู้นำเทคโนโลยี NAC ยืนยันตัวตน, กำหนดสิทธิ์ทุกอุปกรณ์ในเครือข่าย, ปกป้อง IoT ได้จากศูนย์กลาง
- IBM QRadar SIEM – ตรวจสอบและวิเคราะห์ภัยคุกคามในระบบ On-Premises และ Cloud ได้จากศูนย์กลาง
- Infortrend Technology – Enterprise Storage สำหรับทุกความต้องการในการจัดเก็บข้อมูลประสิทธิภาพสูงอย่างคุ้มค่า
- Main
- MellowMatic
- Mitel (formerly ShoreTel) – VoIP สำหรับธุรกิจองค์กรที่ง่ายต่อการบริหารจัดการและดูแลรักษา
- OneSpan – Passwordless และ Multi-Factor Authentication สำหรับสถาบันการเงินและธุรกิจองค์กร
- Radical Angle – โซลูชัน Virtual Studio 3 มิติสำหรับรายการโทรทัศน์ระดับมืออาชีพ
- Solutions
- Super Micro Computer – Server ชั้นนำสำหรับ Data Center ระดับองค์กรและ Cloud Provider
- test portfolio
- Thailand’s Personal Data Protection Act (PDPA)
- Throughwave (Thailand) Co.,Ltd.
- Throughwave (Thailand) Co.,Ltd.
- Throughwave Connect
- Throughwave Digital Connect 2023
- Throughwave Digital Connect 2023
- Throughwave, Total Enterprise Solution
- Throughwave, Total Enterprise Solution
- User Privacy
- Utimaco – Hardware Security Module คุณภาพสูง ตอบโจทย์การจัดการ Cryptographic Key อย่างมั่นคงปลอดภัย
- VMware – โซลูชัน Cloud และ Virtualization ชั้นนำ ที่เหล่าธุรกิจองค์กรทั่วโลกไว้วางใจ
- VMware Workspace ONE UEM – บริหารจัดการทุกอุปกรณ์ Endpoint ด้วย Workspace ONE Unified Endpoint Management
- Wavify NextMessage – Email & Productivity Appliance สำหรับธุรกิจองค์กร
- Wavify TimeNX – Enterprise Time Synchronization Appliance
- จดหมายข่าวจากทรูเวฟ – ฉบับลองของ
- นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)
- มีปัญหา IT, น้ำท่วม บอกทรูเวฟ ทรูเวฟช่วยท่านได้ !
- ลงทะเบียนงาน Supermicro Day 2012
- ลงทะเบียนงาน Supermicro Day 2017
- ลงทะเบียนงาน Throughwave Smart Solution 2019
- เชิญเข้าร่วมงาน Catbird: Cloud Security Day in Thailand
- เชิญเข้าร่วมงาน Supermicro Day 2013
- เชิญเข้าร่วมงาน Supermicro Day in Bangkok
- Products
- Solutions
- Services
- Support
- Company
Latest Blog
- การเข้ารหัสแบบ RSA และ ECC จะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป ในยุค Quantum Computer – เตรียมพร้อมตั้งแต่วันนี้ด้วย PQC Solution จาก UtimacoOctober 1, 2024 - 5:54 pm
- 2 วันสุดท้าย! ลงทะเบียนร่วมรับฟัง Webinar “เปลี่ยนผ่านการเข้ารหัสสู่ Quantum Safe เริ่มต้นได้แล้วด้วย Best Practice สำหรับองค์กร” [19 ก.ย. 2567 – 14.00น.]September 17, 2024 - 2:01 pm
- Utimaco กับการทำ Identity Management ใน Zero TrustFebruary 21, 2024 - 6:00 pm
- บทบาทสำคัญของ Hardware Security Module (HSM) ในการใช้ Cloud ขององค์กรในยุคปัจจุบันFebruary 15, 2024 - 7:06 pm
- Forescout เพิ่มความสามารถใหม่เพื่อรองรับ Enterprise of Things (EoT) SecurityAugust 17, 2020 - 10:55 am