Supermicro เปิดตัว SuperBlade ใหม่ รองรับการติดตั้ง Blade สูงสุด 14 Server ภายในขนาด 6U

Supermicro เปิดตัว SuperBlade ใหม่ รองรับการติดตั้ง Blade สูงสุด 14 Server ภายในขนาด 6U

Read more

Supermicro ดัน All-Flash BigTwin ทำงานร่วมกับ VMware vSAN ตอบโจทย์ Hyper-Converged Solution

ในงาน VMworld 2017 ที่ผ่านมา Supermicro นำโซลูชัน All-Flash NVMe X11 BigTwin เข้าร่วมจัดแสดงภายในงาน เผยถึงความพร้อมของฮาร์ดแวร์ที่สามารถทำงานร่วมกับ Software-defined Storage (SDS) อย่าง VMware vSAN ได้เป็นอย่างดี

Read more

Supermicro เปิดตัว NVMe Storage Server รุ่นใหม่ รองรับ 18 ล้าน IOPS ในพื้นที่ขนาด 2U

Supermicro เปิดตัว NVMe Storage Server รุ่นใหม่ รองรับ 18 ล้าน IOPS ในพื้นที่ขนาด 2U

Read more

Supermicro เปิดตัว Embedded/IoT Systems รุ่นใหม่ ใช้ Intel Atom C3000 ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 25%

Supermicro เปิดตัว Embedded/IoT Systems รุ่นใหม่ ใช้ Intel Atom C3000 ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 25%

Read more

Supermicro SUSE OpenStack Cloud Certified Platforms เริ่มต้น Private Cloud ง่ายๆสำหรับองค์กร

Supermicro เปิดตัว SUSE OpenStack Cloud Certified Platforms เริ่มต้น Private Cloud ง่ายๆสำหรับองค์กร

Read more

Supermicro เปิดตัว Server X11 Generation ใหม่ รองรับ Intel Xeon Scalable Processor

Supermicro ผู้นำทางด้าน Server และ Storage Solutions ประกาศเปิดตัว Server X11 Generation ใหม่ ที่รองรับการใช้งาน Intel Xeon Scalable Processor แล้ว

Read more

Supermicro เปิดตัว SuperBlade รุ่นใหม่ รองรับ 100G EDR Infiniband, Omni-Path Switch และ NVMe

Supermicro ประกาศเปิดตัว Supermicro SuperBlade รุ่นใหม่ รองรับ 100G EDR Infiniband, Omni-Path Switch และ NVMe เพิ่มประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการลงทุน

Read more

Supermicro เปิดตัว BigTwin ระบบ Twin Multi-node Server ที่แรงที่สุดในโลกเวลานี้

Supermicro ประกาศเปิดตัว Supermicro BigTwin ระบบ Server แม่ข่ายแบบ Multi-node ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการรองรับ 4 Server ในพื้นทีเพียง 2U ที่แต่ละ Node รองรับ RAM ได้มากถึง 3TB พร้อมเทคโนโลยีล่าสุดอย่าง NVMe และ 100GbE ในตัว โดยสรุปแล้วมีสเป็คที่น่าสนใจดังนี้ Read more

Supermicro เปิดตัว 4-port 10GbE Network Card ประสิทธิภาพสูง ประหยัดพลังงาน ตอบโจทย์ตลาด Cloud Data Center และ Video Streaming Server

supermicro

Supermicro ผู้ผลิต Server สำหรับ Data Center ขนาดใหญ่ทั่วโลก ได้เปิดตัวการ์ด 10GbE รุ่นล่าสุด AOC-STG-b4S ซึ่งเป็น Ethernet Card ความเร็ว 10Gbps จำนวนมากถึง 4 พอร์ต เชื่อมต่อกับ Server ด้วย Interface แบบ PCI-E x8 รองรับมาตรฐานต่างๆ เช่น VMDq และ PC-SIG SRIOV สำหรับการทำ Virtualization และมาตรฐาน IEEE 802.3az สำหรับประหยัดพลังงาน ตอบโจทย์สำหรับ Data Center ขนาดใหญ่ เช่น Cloud Data Center หรือ Video Streaming Server ที่ต้องการทั้งประสิทธิภาพ และการประหยัดพลังงานไปพร้อมๆ กัน Read more

Supermicro เปิดตัว Virtual Desktop Solution ร่วมกับ NVIDIA GRID เสริมพลังงานประมวลผลกราฟฟิคสำหรับ Thin Client

Supermicro ผู้ผลิตระบบ Server ชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศเปิดตัว Virtual Desktop Infrastructure Solution (VDI) แบบใหม่ร่วมกับ NVIDIA GRID ที่สามารถนำการ์ดประมวลผลกราฟฟิคหรือ GPU เข้ามาช่วยประมวลผลได้ ทำให้การใช้งานซอฟต์แวร์ที่มีการคำนวนกราฟฟิคบนระบบ Virtual Desktop เป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ต่อความต้องการขององค์กรได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น

การเปิดตัวเทคโนโลยี NVIDIA GRID ร่วมกับ Supermicro ครั้งนี้เกิดขึ้นในงาน  “2013 NVIDIA GPU Technology Conference (GTC 2013)” ซึ่งจัดขึ้นที่ San Jose, California โดย NVIDIA ได้เปิดตัวการ์ด NVIDIA GRID K1 และ K2 ซึ่งเป็นการ์ดจอที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการทำ Virtualization เพื่อรองรับความต้องการในการประมวลผลทางด้านภาพบนระบบ VDI อย่างมีประสิทธิภาพสูง เช่น งานออกแบบทางด้านวิศวกรรม, งานออกแบบกราฟฟิคส์ และงานตัดต่อ ทำให้องค์กรต่างๆ สามารถนำระบบ VDI ไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายยิ่งขึ้น และลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวลง

 

ในขณะที่ระบบตัวอย่างที่มีการนำเสนอในงานนั้น สามารถรองรับผู้ใช้งาน Virtual Desktop ที่ใช้งานกราฟฟิคเป็นหลักได้ 600 เครื่องต่อเซิฟเวอร์ขนาด 42U ทาง Supermicro ได้กล่าวว่าระบบของ Supermicro ร่วมกับ NVIDIA GRID จะสามารถรองรับผู้ใช้งานที่เน้นงานกราฟฟิคได้มากถึง 1,800 เครื่องต่อเซิฟเวอร์ขนาด 42U ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานซอฟต์แวร์ประมวลผลกราฟฟิคต่างๆ ผ่านทาง Thin Client ได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น และองค์กรเองก็สามารถบริหารจัดการเครื่องลูกข่ายเสมือนเหล่านี้ได้ดียิ่งขึ้น และลดต้นทุนได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย

 

นอกจากนี้ ระบบ Cloud แบบใหม่สำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ หรือ Cloud Gaming ที่กำลังจะมาในอนาคตนี้ ก็จะมีเทคโนโลยีเดียวกันนี้เป็นพื้นฐานเช่นเดียวกัน ซึ่ง Supermicro ก็ได้กล่าวถึงความพร้อมในการผลิตเซิฟเวอร์สำหรับระบบ Cloud Gaming นี้อีกด้วย

 

สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ที่ https://www.supermicro.com

 

———–

 

ที่มา https://www.throughwave.co.th

Supermicro เปิดตัวโซลูชันส์ Fat Twin Server ตอบรับเทรนด์ Cloud Data Center, Apache Hadoop, NoSQL และ Big Data


Supermicro ผู้นำทางด้านระบบเซิฟเวอร์ประสิทธิภาพสูง และกินพลังงานต่ำ ได้เปิดตัวเซิฟเวอร์สถาปัตยกรรมใหม่ Fat Twin ที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับ Data Center ในยุคใหม่ที่ต้องการระบบประมวลผลประสิทธิภาพสูง, จัดเก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก, ดูแลรักษาง่าย และประหยัดไฟฟ้าถึงขีดสุด หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่า Fat Twin ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับกับระบบ Cloud Data Center, Apache Hadoop, NoSQL และ Big Data โดยเฉพาะนั่นเอง

 

Fat Twin Server เป็นอย่างไร?

Fat Twin Server นั้นจะมีเซิฟเวอร์ภายในตั้งแต่ 4 – 8 เครื่อง รวมแล้วมีความสูงมากถึง 4U สามารถติดตั้งได้บนตู้ Rack มาตรฐาน โดยเซิฟเวอร์ทุกเครื่องนี้จะสามารถถอดเปลี่ยนได้แบบ Hot Swap ทันที พร้อมทั้งมี Power Supply และพัดลมระบายอากาศอยู่ด้านหลังรวมทั้งสิ้น 4 ชุด

ทางด้านหน่วยประมวลผลนั้น Fat Twin ใช้ CPU Intel Xeon E5 เป็นหลัก ดังนั้นเซิฟเวอร์ทุกรุ่นภายใน Fat Twin แต่ละชุดนี้จะสามารถติดตั้ง CPU Intel E5 นี้ได้ 2 ชุด โดยมีจำนวน Core มากถึง 16 Cores และมีจำนวน Thread ได้สูงสุดถึง 32 Threads ในแต่ละเซิฟเวอร์นั่นเอง

สำหรับทางด้านหน่วยความจำนั้น แต่ละเซิฟเวอร์ใน Fat Twin สามารถใส่หน่วยความจำได้ตั้งแต่ 256GB ถึง 512GB ตามแต่รุ่นที่เลือก เรียกได้ว่าจริงๆ แล้วต่อให้เป็นระบบ In-memory Database ก็ยังสามารถติดตั้งใช้งานบน Fat Twin ได้เป็นอย่างดีเช่นกัน ซึ่งระบบ NoSQL ทั้งหลายที่ต้องการหน่วยความจำเป็นจำนวนมากก็น่าจะชอบการออกแบบระบบแบบนี้

แต่ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นนี้ยังถือว่าธรรมดามาก เมื่อเทียบกับข้อดีถัดๆ ไปจากนี้

 

มี Hard Drive ขนาด 3.5 นิ้วมากถึง 10 ลูกต่อ 1U!!!

คุณสมบัติสุดโดดเด่นข้อแรกของ Fat Twin ก็คงหนีไม่พ้นความหนาแน่นของ Hard Drive นี่เอง จากเดิมที่เซิฟเวอร์ความสูง 1U ทั่วๆ ไปนั้นสามารถใส่ Hard Drive ได้อย่างมากที่สุดก็แค่ 4 ลูกเท่านั้น แต่ด้วย Fat Twin นี้ทำให้ความสูง 1U สามารถมีพื้นที่ได้มากถึง 10 ลูก หรือคิดเป็น 250% จากสถาปัตยกรรมแบบเดิมๆ และเมื่อนำ Hard Drive ขนาด 4TB มาติดตั้งเข้าไปแล้ว ก็จะทำให้เรามีพื้นที่ได้มากสุดถึง 40TB ต่อ 1U เลยทีเดียว!

แล้วระบบแบบไหนถึงจะต้องการความจุมากถึงขนาดนี้? หนึ่งในระบบที่ต้องการความจุมากๆ และมีเซิฟเวอร์จำนวนหลายๆ เครื่องไปพร้อมๆ กันก็คือ Apache Hadoop นั่นเอง เพราะ Apache Hadoop มีการจัดเก็บข้อมูลซ้ำซ้อนเป็นจำนวนมากเพื่อความทนทานของระบบ และยังมีการทำ Indexing ในรูปแบบต่างๆ เพื่อเพิ่มความเร็วอีกด้วย ดังนั้นเพียงแค่ Fat Twin เพียงหนึ่งหรือสองชุด ก็เพียงพอต่อการสร้าง Apache Hadoop Cluster ประสิทธิภาพสูงไว้ใช้งานแล้ว

นอกจาก Apache Hadoop แล้ว ระบบ Cloud Data Center สมัยใหม่เองก็ต้องการความจุสูงเช่นกัน เนื่องจาก Cloud Vendor ในแต่ละเจ้าเริ่มที่จะมีแนวโน้มในการเลิกใช้ SAN Storage มากขึ้นเรื่อยๆ และแนะนำให้มีการจัดเก็บข้อมูลบน Local Storage ของเซิฟเวอร์แต่ละเครื่องเอง แล้วจึงทำ Replication ข้ามไปยังเครื่องอื่นเรื่อยๆ เพื่อให้มีความเสถียรของระบบสูง ซึ่งการทำแบบนี้แม้จะทำให้เราต้องใช้ Hard Drive มากขึ้นจากเดิมเป็น 2-3 เท่า แต่ก็สามารถแลกมาได้ด้วยการตัด SAN Storage Controller, HBA Adapter และ SAN Switch ออกไปจากเครือข่าย ทำให้ประหยัดต้นทุนไปได้มากทีเดียว

ทนความร้อนถึง 47 องศาเซลเซียส!!!

ข้อดีข้อที่สองของ Fat Twin Server ก็คือการทนความร้อนสูงถึง 47 องศาเซลเซียส ทำให้ค่าใช้จ่ายในการสร้าง Data Center ประหยัดลงไปมากในหลายๆ ครั้ง เพราะ Fat Twin สามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ในอุณหภูมิห้องแอร์ตามปกติ รวมถึง Data Center ขนาดใหญ่เองที่สร้างเสร็จไปแล้ว ก็สามารถลดการควบคุมอุณหภูมิให้กับ Fat Twin ได้มากเป็นพิเศษ จากเดิมที่ต้องควบคุมอุณหภูมิที่ประมาณ 20 – 25 องศาเซลเซียส ก็สามารถลดเหลือ 30-35 องศาเซลเซียสได้
ด้วยการทนความร้อนระดับนี้ ประกอบกับความจุของ Hard Drive ทำให้หลายๆ องค์กรสามารถเริ่มต้นระบบ Apache Hadoop สำหรับจัดเก็บข้อมูลแบบ Big Data ได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องสร้าง Data Center ใหม่, ไม่ต้องมีตู้ Rack รวมถึงไม่ต้องซื้อ SAN Storage มาใช้งานแต่อย่างใด เพียงแค่ซื้อ Fat Twin Server ชุดเดียว แล้วติดตั้งไว้ในห้องแอร์ ก็สามารถเริ่มต้นไปกับ Big Data ได้ทันที

ประหยัดไฟสูงสุดถึง 15%!!!

ด้วยความสามารถในการทนความร้อนได้ถึง 47 องศาเซลเซียส และประกอบกับการออกแบบระบบ Power Supply แบบ Digital Switching ที่ทำให้มี Power Efficiency มากถึง 95% ซึ่งเหนือกว่าคู่แข่งทุกเจ้า ทำให้ Supermicro Fat Twin สามารถประหยัดไฟได้มากกว่าเซิฟเวอร์ที่ประหยัดไฟที่สุดของคู่แข่งถึง 15% และสามารถประหยัดไฟกว่าเซิฟเวอร์ทั่วๆ ไปได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว เนื่องจากเซิฟเวอร์ทั่วๆ ไปนั้นนอกจากจะต้องคงอุณหภูมิไว้ที่ 20 – 25 องศาเซลเซียสแล้ว ยังมี Power Efficiency เพียงแค่ 80% เท่านั้น ซึ่งเมื่อเทียบกับ Fat Twin Server ที่สามารถทำงานที่อุณหภูมิ 30 – 35 องศาเซลเซียส พร้อม Power Efficiency ที่มากถึง 95% แล้ว ก็เรียกได้ว่าแตกต่างกันหลายเท่าตัว

Fat Twin Server เหมาะกับใคร?

สำหรับ Fat Twin Server นี้ จะเหมาะที่สุดสำหรับ

  1. ผู้ที่ต้องการเริ่มต้นระบบ Apache Hadoop, NoSQL หรือ Big Data ตัวอื่นๆ และระบบ Cloud Data Center – เนื่องจาก Fat Twin Server จะช่วยให้การลงทุนเริ่มต้นนั้นไม่สูงมาก ในขณะที่ Hardware ทั้งหมดเองถูกออกแบบให้มารองรับงานทางด้านนี้อยู่แล้วในตัว
  2. ผู้ที่ต้องการลงทุนระบบ Data Center ใหม่ทั้งหมด – การลงทุนเป็นสถาปัตยกรรม Fat Twin Server นอกจากจะช่วยให้ค่าใช้จ่ายตั้งต้นไม่สูงแล้ว ยังจะช่วยให้ค่าใช้จ่ายในระยะยาว ทั้งค่าไฟฟ้า และค่าการระบายความร้อนลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญอีกด้วย รวมถึงการใช้งาน CPU Intel E5 ที่จัดว่าเป็นรุ่นล่าสุดนี้ก็เป็นการรับประกันอายุการใช้งานเทคโนโลยีนี้ไปอีกถึง 5 ปีเป็นอย่างน้อย

สำหรับใครที่สนใจระบบ Supermicro Fat Twin Server หรือ Supermicro Server อื่นๆ ก็สามารถติดต่อสอบถามมาทางบริษัททรูเวฟ ประเทศไทย จำกัด ได้โดยตรงที่เบอร์ 02-210-0969 หรืออีเมลล์มาที่ info@throughwave.co.th ได้ทันที

ที่มา: https://www.throughwave.co.th

Supermicro เปิดตัว Server ใหม่กว่า 100 ระบบ รองรับ CPU ล่าสุด Intel E5

Supermicro ผู้นำทางด้านระบบเซิฟเวอร์นวัตกรรมสูงและประหยัดพลังงานชั้นนำของโลก ได้เปิดตัว Server ใหม่กว่า 100 ระบบ สำหรับรองรับ CPU ใหม่ล่าสุดจาก Intel รุ่น E5 หรือที่รู้จักกันในโค้ดเนมว่า Romley นั่นเอง

 

 

Intel E5 Romley Support!

ในการเปิดตัวครั้งนี้ Server ที่สนับสนุน Intel E5 นั้น จะรองรับได้มากสุดที่ Intel E5-2600 ซึ่งติดตั้งได้ 2 CPU โดยมี CPU ละ 8 Core / 16 Threads และรองรับหน่วยความจำได้มากถึง 768GB ต่อ 1 Server และสำหรับในอนาคต Intel E5-4600 ซึ่งติดตั้งได้ 4 CPU ก็คาดว่าจะออกตามมาภายในปีนี้ ซึ่งต้องติดตามดูกันต่อไป

โดยในเวลานี้ Server ที่สามารถติดตั้ง Intel E5 ได้นั้น ก็จะมีทั้ง Rack Mount Server ขนาด 1U-4U, Workstation Server, GPU Server, Twin Server, Twin^2 Server, Blade Server และ MicroCloud Server อีกด้วย

 

ส่วนนวัตกรรมอื่นๆ ที่ Supermicro เปิดตัวมาพร้อมๆ กันนั้น มีดังนี้

 

95% Power Efficiency Server

จากเดิมที่ Supermicro มี Power Efficiency สูงถึง 94% นั้น มาในครั้งนี้ Supermicro ได้เสนอ Power Supply ประสิทธิภาพสูงที่มี Power Efficiency มากขึ้นเป็น 95% ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานให้ Data Center ใหญ่ๆ ได้อย่างมากมาย ในขณะทีคู่แข่งยังคงมี Power Efficiency อยู่เพียงแค่ 80-90% เท่านั้น

 

Server ทนทานความร้อนสูง

สำหรับ Data Center ที่มีปัญหาทางด้านอุณหภูมิ ทาง Supermicro ก็ได้ออกแบบ Server เฉพาะ ซึ่งสามารถทำงานได้ที่อุณหภูมิสูงถึง 47 องศาเซลเซียส สำหรับใช้งานในประเทศที่มีภูมิอากาศแบบประเทศไทยโดยเฉพาะ

 

UPS Module สำหรับติดตั้งภายใน Server

สำหรับ Data Center ที่ต้องการระบบงานแบบ High Availability อย่างเต็มตัว Supermicro ได้นำเสนอ UPS Module สำหรับติดตั้งภายใน Server เพื่อสำรองระบบไฟฟ้าได้โดยไม่ต้องพึ่งพา UPS ภายนอกอีกแล้ว

 

Data Center Management Software

สำหรับการบริหารจัดการระบบ Cloud ขนาดใหญ่ Supermicro ได้ออกซอฟต์แวร์สำหรับบริหารจัดการ Hardware ทั้งหมดอย่างเบ็ดเสร็จ ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดค่าต่างๆ, การตรวจสอบการทำงานของ Server รวมถึงการปรับแต่งค่าการใช้พลังงานของ Server ทั้งหมด เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานสำหรับ Data Center โดยเฉพาะ

 

Fat Twin ยังคงเป็นความลับ

สำหรับ Server Architecture ใหม่ล่าสุดนั้น ทาง Supermicro ก็ยังคงปิดเป็นความลับอยู่ ว่า Fat Twin คืออะไร และจะออกมาเพื่อตอบรับตลาดไหน ซึ่งภายในปีนี้เราน่าจะได้รู้กันอีกครั้งหนึ่ง

 

สำหรับใครที่อยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ Supermicro โดยตรงได้ทันที https://www.supermicro.com/index.cfm

 

———-

 

บทความโดย Throughwave Thailand

ท่านสามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ https://www.throughwave.co.th