Posts

ทำความรู้จักกับ Enterprise Unified Authentication

หนึ่งในปัญหาสำคัญที่ผู้ดูแลระบบหนีไม่พ้น คือการบริหารจัดการผู้ใช้งานหลายๆคน กับอุปกรณ์ในระบบหลายๆชนิด และการใช้งานแอปพลิเคชั่นที่หลากหลายตั้งแต่ระดับโครงสร้างภายใน เช่น Firewall, Proxy, VPN ฯลฯ ไปจนถึงระดับแอปพลิเคชั่นใช้งานจริง ส่งผลให้มีบริการเป็นจำนวนมากที่ต้องอาศัยระบบจัดเก็บรายชื่อ User และ Group เฉพาะของแต่ละบริการ ทำให้การบริหารจัดการมีความซับซ้อน และวุ่นวายมากขึ้น

การแก้ปัญหาดังกล่าวสามารถทำได้โดยการจัดระบบให้บัญชีรายชื่อของผู้ใช้รวมไว้ที่ศูนย์กลาง (Centralized Authentication) และต้องรองรับการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ที่มีอยู่ในองค์กร รวมถึงสามารถรองรับการขยายตัวในอนาคตได้อย่างยืดหยุ่น และไม่มีผลกระทบกับระบบเดิม นอกการช่วยลดความซ้ำซ้อนของบัญชีรายชื่อผู้ใช้แล้ว ระบบ Enterprise Unified Authentication ยังสามารถช่วยพัฒนาระบบในองค์กร ให้มีทิศทางที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น กล่าวคือเราจะยึดที่ตัวผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง กำหนดสิทธิตามผู้ใช้งานแต่ละกลุ่ม ไม่ใช่ยึดตามแอปพลิเคชั่นหรืองานบริการต่างๆ เป็นหลัก ดังเช่นที่องค์กรส่วนใหญ่มักปฏิบัติกัน

“Wavify NextSecure” : Enterprise Unified Authentication

Wavify NextSecure เป็นระบบ Centralized Authentication ชั้นนำจากประเทศสหรัฐอเมริกา ภายใต้แบรนด์ Wavify โดยตัว NextSecure นี้สามารถทำงานเป็น LDAP, Radius และ IPSec VPN พร้อมกันได้ในตัวเดียว NextSecure สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์ Wireless ทำ Wireless Authentication ในเรื่องของการบริหารจัดการก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ผ่าน Web-based interface ไม่จำเป็นต้องใช้คำสั่งแบบ Command line

สำหรับองค์กรที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศหรือทั่วโลก NextSecure สามารถทำงานในลักษณะ Distributed Service สร้าง Private Cloud สำหรับฐานข้อมูลผู้ใช้งานและให้บริการการยืนยันตัวตนสำหรับพนักงานในองค์กรของคุณได้ทั่วโลก โดยระบบแอปพลิเคชั่นต่างๆ สามารถทำการยืนยันตัวตนร่วมกับ NextSecure ที่ติดตั้งอยู่ในสาขาได้ (Local Authentication) ทำให้ระบบของคุณสามารถทำการยืนยันตัวตนได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีความสเถียรเพิ่มขึ้น และเป็นการทำ Disaster Recovery ไปในตัวอีกด้วย

และหากองค์กรของคุณมีระบบ Network ที่ซับซ้อน NextSecure ก็พร้อมเป็นผู้ช่วยองค์กรของคุณ ผ่านการจัดการข้อมูล Schema สร้างต้นไม้แบบเฉพาะตัว ที่มีความคล่องตัว ยืดหยุ่นได้ตามความต้องการ และสามารถทำงานได้ตามเงื่อนไขที่ซับซ้อน เพื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์การใช้งานมากที่สุด

ในอนาคตถัดจากนี้ Wavify NextSecure จะสามารถสนับสนุนการทำ Self Registration และ Profile and Password Management เพื่อให้ผู้ใช้งานภายในองค์รกรสามารถจัดการลงทะเบียนด้วยตัวเองได้ พร้อมทั้งสามารถแก้ไขรายละเอียดส่วนบุคคลต่างๆ และบริหารจัดการพาสเวิร์ดได้ในตัว ร่วมถึงยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้สำหรับยืนยันตัวตนบุคคลภายนอก (Guest Management) ได้อีกด้วย

———-

บทความโดย Throughwave Thailand

ท่านสามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ https://www.throughwave.co.th