JBOD – ทางเลือกดีๆ สำหรับ External Storage ราคาประหยัด

ในปัจจุบันนี้ความต้องการในการใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลปริมาณมาก มีมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ความต้องการของระบบ External Storage สูงตามขึ้นไป แต่ในการลงทุน SAN Storage ก็อาจมีราคาสูงเกินไป ในขณะที่การลงทุน NAS Storage ก็อาจได้ประสิทธิภาพในระดับที่ไม่เพียงพอ ทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจในการเพิ่มพื้นที่ให้กับระบบ Server ต่างๆ เช่น CCTV Server, File Server, Database Server หรือ Backup/DR Server จึงได้แก่ระบบ JBOD นั่นเอง

JBOD คืออะไร

JBOD ย่อมาจาก Just a Bunch of Disks ซึ่งก็คืออุปกรณ์ที่หน้าตาเหมือน Server แต่ไม่มี Mainboard ติดตั้งอยู่ภายใน มีเพียงแค่ Storage Backplane, Hard Drive Trays และ External SAS Interface เท่านั้น โดยเราสามารถทำการติดตั้ง JBOD ให้เชื่อมต่อกับ Server โดยตรง ผ่าน External SAS Interface ของ JBOD และ Server ที่ต้องการนั่นเอง

JBOD 1 ชุดอาจมีขนาดที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่ความสูงระดับ 2U, 3U และ 4U โดยสามารถติดตั้ง Hard Drive ที่มีขนาด 2.5 นิ้วได้ตั้งแต่ 24 – 88 ชุด และ Hard Drive ขนาด 3.5 นิ้วได้ตั้งแต่ 12 – 45 ชุด และสามารถเชื่อมขยายโดยใช้ JBOD ร่วมกันหลายๆ ชุดได้ โดยจำนวนสูงสุดของ Hard Drive จะขึ้นอยู่กับความสามารถของ External SAS Card ที่ติดตั้งบน Server นั่นเอง

External SAS Card

สำหรับ External SAS Card สำหรับติดตั้งใน Server นั้น มาตรฐานของการ์ดที่นิยมคือการ์ดแบบ PCI-E 2.0 ซึ่งจะมีตั้งแต่การ์ดขนาดเล็กที่เชื่อมต่อ Hard Drive ได้ 60 ชุด ไปจนถึงการ์ดขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกับ Hard Drive ได้หลายร้อยชุด โดยมีหน้าที่ในการจัดการทำ Hardware RAID ให้กับ Hard Drive เหล่านั้นได้ ตั้งแต่ RAID 0, 1, 5, 6, 10, 50, 60 และ Hot Spare Drive

ประสิทธิภาพในการทำงาน

ส่วนประเด็นทางด้านประสิทธิภาพนั้น การเชื่อมต่อ JBOD ผ่าน SAS จะทำให้ได้ Bandwidth สูงสุดตามขนาด Interface มากกว่ามาตรฐานอื่นๆ เนื่องจาก External SAS Interface ส่วนใหญ่จะมีจำนวน 4 Lanes โดยแต่ละ Lane จะมีความเร็ว 6Gbps เมื่อรวมกันแล้วก็อยู่ที่ประมาณ 24Gbps เลยทีเดียว มีความเร็วเทียบเท่ากับ 8Gbps Fibre Channel ถึง 3 พอร์ต และ 1GbE iSCSI ถึง 24 พอร์ต และไม่มี Overhead ของ Protocol อื่นๆ นอกจาก SCSI อีกด้วย

นอกจากนี้ External SAS Card บางรุ่นยังมีการติดตั้ง Cache มาให้อีกด้วย ทำให้มีการจัดเก็บ Cache ในการเขียนอ่านข้อมูลลงไปยัง JBOD ได้ในลักษณะเดียวกับ SAN Storage เลยทีเดียว

ความสามารถในการรักษาข้อมูล

JBOD นั้นมีการทำ Data Protection ด้วยคอนเซ็ปต์ของ RAID จาก External SAS Card อยู่แล้ว โดย External SAS Card แต่ละรุ่นก็ยังมีความสามารถที่แตกต่างกันให้เลือกใช้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำ Redundant Controller, Snapshot, Hot Spare Drive หรือแม้แต่ Disk Encryption ที่ถือว่าเหนือกว่า SAN Storage

แต่สิ่งที่ JBOD ไม่สามารถทำได้ในตัวเอง คือการทำ Volume Copy, Volume Mirror และการทำ Remote Replication ทำให้ระบบที่ใช้งาน JBOD ที่ต้องการการสำรองข้อมูลระดับสูง ต้องพึ่งพาความสามารถจากตัวระบบปฏิบัติการ, File System หรือ Backup/DR Software อย่างเช่น CA ArcServe หรือ Symantec นั่นเอง ซึ่งเมื่อคิดค่าใช้จ่ายแล้วก็ไม่แตกต่างจากการใช้ SAN มากนัก เพราะ SAN เองก็ต้องเสียค่า License เช่นเดียวกัน อีกทั้งในมุมมองของการกู้ข้อมูล ตระกูล Software เฉพาะทางก็ยังสามารถทำการกู้ข้อมูลได้ง่ายกว่าการสำรองด้วย SAN เองอยู่พอสมควร

JBOD vs. Storage Server

ในบทความก่อนได้มีการพูดถึง Storage Server ซึ่งเป็น Server ที่สามารถติดตั้ง Hard Drive ในตัวได้เป็นจำนวนมาก จนแทบจะไม่ต้องมีการใช้งาน External Storage อีก ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว มีจุดแตกต่างกันดังนี้

  • Storage Server มี Mainboard, CPU, RAM, Network Interface ภายในตัว แต่ JBOD มีเพียงแค่ External SAS Interface เท่านั้น
  • Storage Server เหมาะสำหรับระบบใหม่ ในขณะที่ JBOD เหมาะสำหรับใช้เสริมระบบเดิมที่มีอยู่แล้ว
  • Storage Server อาจมีความสามารถในการ Share File ต่อให้หลายๆ ระบบได้พร้อมๆ กันผ่านทาง NAS/SAN Protocol แต่ JBOD สามารถให้บริการแก่ Server ที่ทำการเชื่อมต่อด้วยเท่านั้น ซึ่งถ้าต้องการทำการ Share ต่ออีก ก็ต้องมีการลง Storage Software ที่ Server นั้นๆ

นอกจากนั้นแล้ว Storage Server กับ JBOD ก็ไม่มีจุดแตกต่างกันอีก เรียกได้ว่าต่างเทคโนโลยี ต่างก็มีจุดที่เหมาะสมของตัวเอง

ความคุ้มค่าในการลงทุน

โดยทั่วไปแล้วระบบ JBOD จะมีราคาถูกที่สุด ในขณะที่ Storage Server จะแพงขึ้นมาอีกเล็กน้อย และ SAN Storage จะแพงที่สุด โดยมีราคาแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

ถ้าจะให้เห็นภาพคือ ในราคาที่เท่ากัน เราอาจซื้อ JBOD 1 ชุด ที่ติดตั้ง Hard Disk จนเต็มแล้วได้ ในขณะที่งบประมาณเท่านั้น เราอาจซื้อ SAN Storage ที่ยังไม่ใส่ Hard Disk มาได้ 1 ชุด

สรุป

ไม่ว่าจะเป็น JBOD, Storage Server หรือ SAN Storage ต่างก็มีลักษณะการใช้งานที่เหมาะสมของตนเองทั้งนั้น ดังนั้นการเลือกเทคโนโลยีให้เหมาะกับงาน นอกจากจะทำให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ในบางครั้งประสิทธิภาพของระบบยังอาจจะดีกว่าอีกเทคโนโลยีที่มีราคาแพงกว่าก็ได้ ในที่นี้ JBOD เองก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้งานเข้ากับ CCTV Server, Video Streaming, Video Editing, File Server, Database Server และ Backup / Disaster Recovery Server ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็น Application ประเภทที่ต้องการประสิทธิภาพในการเขียน/อ่านไฟล์สูง โดยไม่จำเป็นต้องทำการ Share พื้นที่ให้แก่ระบบอื่นๆ นั่นเอง

JBOD Storage จาก Supermicro

Supermicro เป็นผู้ผลิต Server ที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ มากมาย โดยสำหรับ JBOD Server นี้ Supermicro ได้นำระบบ Storage Server มาประยุกต์เป็น JBOD Server ประสิทธิภาพสูง พร้อมติดตั้ง External SAS Card ซึ่งสามารถใช้งานได้กับ Server ทุกยี่ห้อที่รองรับมาตรฐาน PCI-E โดยใช้ Hard Drive แบบ Enterprise Grade และสนับสนุนการใช้งาน Solid State Drive (SSD) อีกด้วย

———-

บทความโดย Throughwave Thailand

ท่านสามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ https://www.throughwave.co.th